วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มงคลที่ 38

มงคลที่ 1.ไม่คบคนพาล
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน

มงคลที่ 2.การคบบัณฑิต
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา

มงคลที่ 3.การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ

มงคลที่ 4.การอยู่ในถิ่นอันสมควร
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล

มงคลที่ 5.เคยทำบุญมาก่อน
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก

มงคลที่ 6 การตั้งตนชอบ
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา

มงคลที่ 7 ความเป็นพหูสูต
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี

มงคลที่ 8 การรอบรู้ในศิลปะ
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ

มงคลที่ 9 มีวินัยที่ดี
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย
คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา
เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ

ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก
ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ
ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน

มงคลที่ 10 กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเลลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง

มงคลที่ 11 การบำรุงบิดามารดา
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง

มงคลที่ 12 การสงเคราะห์บุตร
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์

มงคลที่ 13.การสงเคราะห์ภรรยา
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทงผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย

มงคลที่ 14.ทำงานไม่คั่งค้าง
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ

มงคลที่ 15.การให้ทาน
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน

มงคลที่ 16.การประพฤติธรรม
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี

มงคลที่ 17.การสงเคราะห์ญาติ
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ

มงคลที่ 18 ทำงานไม่มีโทษ
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน

มงคลที่ 19 ละเว้นจากบาป
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย

มงคลที่ 20 สำรวมจากการดื่มน้ำเม
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน

มงคลที่ 21 ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน

มงคลที่ 22 มีความเคารพ
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง

มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย

มงคลที่ 24 มีความสันโดษ
ความสันโดษ พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี

มงคลที่ 25 มีความกตัญญู
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน

มงคลที่ 26 การฟังธรรมตามกาล
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร

มงคลที่ 27 มีความอดทน
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล

มงคลที่ 28 เป็นผู้ว่าง่าย
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา

มงคลที่ 29 การได้เห็นสมณะ
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

มงคลที่ 30 การสนทนาธรรมตามกาล
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร

มงคลที่ 31 การบำเพ็ญตบะ
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข ฌาณโกลีย์

มงคลที่ 32 การประพฤติพรหมจรรย์
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ์
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคล

มงคลที่ 33 การเห็นอริยสัจ
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร

มงคลที่ 34 การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก

มงคลที่ 35 การมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ

มงคลที่ 36 การมีจิตไม่โศกเศร้า
คราวพลักพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง

มงคลที่ 37 มีจิตปราศจากกิเลส
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม

มงคลที่ 38 มีจิตเกษม
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร

เรื่องย่อกินทามะ

เรื่องย่อ
เรื่องราวของ การใช้ชีวิตผู้คนในกรุงเอโดะ ในยุคสมัยที่มี ญี่ปุ่นมีการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติมากขึ้น แต่ขอโทษทีเถิด ชาวต่างชาติที่ว่านั้นมันกลับเป็น"ชาวสวรรค์" หรือ มนุษย์ต่างดาวซะงั้น เมื่อ20ปีก่อน ชาวสวรรค์จากอวกาศได้ออกคำสั่งริบยศถาบรรดาศักดิ์และยึดดาบไป ทำให้ยุคซามูไรที่รุ่งเรืองสุดขีดต้องเกิดการเสื่อมถอย บทบาทของซามูไรถูกลดลงตามไปด้วย แต่ในยุคนั้นยังมีผู้ที่ยึดมั่นในจิตวิญญาณซามูไรที่ตนเชื่ออยู่ เขาเป็นชายแปลกๆ นาม ซากาตะ กินโทกิ หนุ่มนักรับจ้างสารพัดสุดเพี้ยนเท่านั้นที่ยังจับดาบอยู่ แถมเขานั้น ก็มีสหายผู้ช่วยอย่าง ชินปาจิ หนุ่มแว่นธรรมดาๆ และ สาวน้อยจากเผ่ายาโตะ คางุระ ที่พร้อมจะสร้างความสนุกสนานวุ่นวายแทบทุกตอน



ตัวละคร
(รายชื่อนักพากย์ไทย อิงจากของ Tiga เป็นหลัก)


นักรับจ้างสารพัด
ร้าน"กินจัง รับจ้างสารพัด"ตั้งสำนักงานอยู่ที่ชั้นสอง บนร้านสแนคของคุณโอโทเซะ ปัจจุบันกำลังติดปัญหาค้างค่าเช่าอย่างแรง

ซากาตะ กินโทกิ ชายหนุ่มผมสีเงิน ตัวเอกของเรื่องนี้ อดีตเป็นพวกขับไล่ต่างแดน(เป็นการปกป้องประเทศด้วยการผลักดันชาวสวรรค์ออกไป) ดูเหมือนจะมีฝีมือดาบค่อนข้างดีทีเดียว ปัจจุบัน เขาทำงานเป็นนักรับจ้างสารพัด ชอบใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ซึ่งหากไม่ได้กินของหวานตามเวลาที่กำหนดจะอ่อนระโหยโรยแรง... และระดับน้ำตาลในเลือดบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงได้เป็นโรคเบาหวาน(ชอบของหวานโดยเฉพาะ พาร์เฟ่ท์) งานอดิเรกคือ ขี่สกู้ตเตอร์ ชอบอ่านจัมป์รายสัปดาห์ (ในฉบับภาษาไทยเปลี่ยนจากจัมป์เป็น C-Kids) ซึ่งเรื่องโปรดของคุณกินในจัมป์ก็คือ กินนิคุแมน ส่วนเรื่องที่คุณกินไม่ชอบเอามากๆก็คือเรื่อง กินทาแมน
(พากย์ไทยโดย มนูญ เรืองเชื้อเหมือน / ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี (True Visions) / นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ (Right Beyond) / สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล (Movies - Rose))

ชิมุระ ชินปาจิ ลูกเจ้าของโรงฝึกดาบที่ปิดตัวลง เพื่อเรียนรู้ถึงจิตวิญญาณซามูไรจึงมาทำงานเป็นลูกน้องกินโทกิ ตอนนี้กำลังคิดผิดอย่างแรง เพราะทำงานมาตั้งนาน ไม่เคยได้รับค่าจ้างเลย เขาเป็นตัวละครจอมชง เบรคมุขโดยแท้ เพราะเอาแต่โวยวายตลอด แต่ไม่กล้าหือกับ โอทาเอะ พี่สาวหน้าหวานสุดเถื่อน นอกจากนี้เขายังเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้พิทักษ์ เทราคาโดะ ซือ ไอด้อลคนโปรดของเขาด้วย
(พากย์ไทยโดย ภคภูมิ ลิ้มมานะสถาพร (Tiga & Right Beyond)/ อภินันท์ ธีระนันทกุล (Movies - Rose))

คางุระ อาหมวยหน้าตาน่ารัก ถึงจะตัวเล็กแต่ก็พลังช้าง เพราะเธอเป็นชนเผ่ายาโตะ เผ่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล พูดสำเนียงออกจีนๆ ลงท้ายด้วย น่อ มักถือร่มเวลาไปไหนมาไหนชอบกินบ๊วยแผ่น บ้าละคร และเธอก็เป็นตัวเสริมมุขคอยทำเรื่องป่วนๆคล้อยตามกินโทกิอยู่เนืองๆ เพื่อทำงานหาเงินช่วยครอบครัว เธอจึง(โชว์พาว)เข้าร่วมกลุ่มนักรับจ้างสารพัดด้วยคน
(พากย์ไทยโดย วิภาดา จตุยศพร / ศรีอาภา เรือนนาค (Right Beyond) /อังคณา พานประทีป (Movies - Rose))

ซาดะฮารุ สุนัขที่คางุระเก็บได้ที่หน้าบ้าน เป็นอินุงามิ ขนาดพี่บิ๊ก คาดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตล้ำค่ามาก โดยคางุระรักมันมาก มันจึงไม่ค่อยทำอะไรคางุระเท่าไหร่ แต่มันชอบงับหัวคนโดยเฉพาะกับกินโทกิ


กองกำลังชินเซ็นงุมิ
กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบาคุฟุ




คอนโด้ อิซาโอะ หัวหน้าชินเซ็นงุมิ ที่รูปร่างหน้าตาราวกับกอริลล่า ที่ดูยังไงไม่ค่อยมีมาดผู้นำเท่าไหร่ นิสัยขี้ตื๊อสุดๆและจะทุ่มสุดตัวในสิ่งที่ต้องการ โดยเฉพาะกับความรักที่มีต่อโอทาเอะ แต่ก็ถูกโอทาเอะสอยกลับเป็นประจำ และมักเป็นผู้รับเคราะห์เจ็บตัวก่อนใคร รวมถึงเป็นตัวปล่อยมุขเสื่อมๆประจำรื่องด้วย เขามีชื่อนามแฝงในเน็ตคือ ฟรุตจินโพซามูไร และมักเจอกับ คาซึระ โดยบังเอิญบ่อยๆ จนเกิดเรื่องบ้าๆขึ้น
(พากย์ไทยโดย ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี /สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล (Movies - Rose))

ฮิจิคาตะ โทชิโร่ รองหัวหน้าชินเซ็นงุมิสุดเท่ห์ ฉายา ท่านรองฯปีศาจ มีนิสัยเยือกเย็น เจ้าระเบียบ แต่ถ้าได้จับดาบจะบ้าบิ่นลุยไม่ยั้ง และเป็นคู่กัดคู่ปรับกับกินโทกิด้วย เคยเจอกับกินโทกิ 2 ครั้ง และแพ้ทั้ง 2 ครั้ง เขาเป็นคนที่บ้ามายองเนสเอามากๆ จนต้องพกมายองเนสมาเป็นเครื่องเคียงในการกินกับข้าวกลางวัน เมนูเด็ดของเขาคือ ฮิจิคาตะสเปเชี่ยล
(พากย์ไทยโดย ไกวัล วัฒนไกร / ธีระ โรจนานันท์ (Movies - Rose))

โอคิตะ โซโกะ สมาชิกหนุ่มหน้าใส เป็นนักดาบมือหนึ่งของชินเซ็นงุมิ ดูเหมือนเป็นคนร่าเริง นิสัยออกเด็กๆ แต่จริงๆแล้วคบไม่ได้ หมายตำแหน่งรองหัวหน้าอยู่ ลอบกัดฮิจิคาตะก็หลายครั้ง ฮิจิคาตะมักเรียกเขาว่า เจ้าชายแห่งดาว S (ซาดิสม์) เขาเป็นคนที่เข้ากับกลุ่มนักรับจ้างสารพัดได้ดี โดยเรียกกินโทกิว่ารุ่นพี่ แต่เขามักจะกัดกับคางุระเป็นประจำ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ/ อภินันท์ ธีระนันทกุล (Movies - Rose))

ยามาซากิ ซางารุ สปายประจำกลุ่มชินเซ็นงุมิ ชอบแอบไปซุ่มตีแบดมินตันบ่อยๆ(ตีกับใครก็ไม่รู้) ด้วยท่าทางที่จริงจังมาก และเป็นที่ระบายอารมณ์ของฮิจิคาตะก็ออกบ่อย
(พากย์ไทยโดย มนูญ เรืองเชื้อเหมือน)



คนอื่นๆ

ชิมุระ ทาเอะ (โอทาเอะ) พี่สาวของชินปาจิ มองแค่ภายนอก เธอจะเป็นคนสวย ใจดี ยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่เบื้องหลังมีนิสัยเถื่อนดิบชอบใช้กำลัง นอกจากจะเป็นคนคอยสืบทอดโรงฝึกดาบของครอบครัวแล้ว ปัจจุบันเธอก็ทำงานบริการในสถานบันเทิง แต่ความสามารถด้านการทำอาหารถึงขั้นห่วย (ทำไข่เจียวเป็นไข่ดำตลอด) จนเป็นสาเหตุให้ชินปาจิสายตาสั้น(!?) มี ฮาเก้นดาส เป็นอาหารสุดโปรดของเธอ
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส (Tiga)/ ฉันทนา ธาราจันทร์ (Right Beyond & Movies - Rose))

คาซึระ โคทาโร่ เป็นนักรบขับไล่ต่างแดนที่ยังรอดชีวิตอยู่ หวังจะช่วยปกป้องความสงบสุขของญี่ปุ่น ในอดีตเป็นเพื่อนรักกับกินโทกิและมักโดนเรียกว่า "ซึระ" อยู่เนืองๆ (แต่เจ้าตัวไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อนั้น) ถึงจะเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่ตัวจริงนั้นรั่วมาก(เผลอๆจะรั่วสุดในเรื่อง) ปัจจุบันเป็นผู้ก่อการร้าย คอยหลบหนีกลุ่มชินเซ็นงุมิตลอด (บางทีก็ปลอมตัวไม่ให้ใครจับได้ด้วยการเป็น กัปตันคาเซอระ , ฯลฯ) เขามีชื่อนามแฝงในเน็ตคือ ฟรุตโพนจิซามูไร
(พากย์ไทยโดย ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี)

อลิซาเบธ สัตว์เลี้ยงจากต่างดาวที่คาซึระ ได้รับจาก ซากาโมโต้ ทัตซึมะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยังงงๆอยู่ว่า มันเป็นเพนกวินยักษ์ หรือ เป็นคนมาสวมชุดกันแน่

คุณโอโทเซะ( เทราดะ อายาโนะ) มาม้าของร้านแสน็คที่อยู่ชั้นล่างของร้านรับจ้างสารพัด ชอบพูดทวงค่าเช่า มักจะใช้คำพูดที่รุนแรง แต่ตอนสาวๆสวยมาก เ็ป็นหนึ่งในสี่ราชันย์สวรรค์แ่ห่งคาบุกิโจ
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส)

แคทเธอลีน ชาวสวรรค์ที่เป็นคนคอยรับใช้คุณโอโทเซะ อดีตเคยเป็นสมาชิกแก๊งโจร ปัจจุบันกำลังปรับปรุงตัว
(พากย์ไทยโดย อภิญญา พรมานะสุขุม)

เทราคาโดะ ซือ หรือ โอซือจัง นักร้องไอด้อลคนดัง ขวัญใจของชินปาจิ
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส)

ฮาเซงาว่า ไทโซ อดีตข้าราชการบาคุฟุ แต่จากการที่ไปต่อยองค์ชายฮาตะ แถมดูแลสัตว์เลี้ยงขององค์ชายไม่ดีอีก ทำให้เขาต้องหมดสิ้นทุกอย่าง ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนงานไปเรื่อย หมดเงินไปกับปาจิงโกะไปเรื่อย มักโดนคางุระเรียกว่า มาดาโอะ - ผู้ชายไม่ได้เรื่อง (madao - marude damena ossan)
(พากย์ไทยโดย ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี)

ซารุโทบิ อายาเมะ หรือ "ซัทจัง" นินจาสาวนักกวาดล้างกลุ่มโอนิวะบังชู ปัจจุบันตกหลุมรักกินโทกิ มีถั่วหมักเป็นอาวุธ และ หากไม่มีแว่นตา เธอก็ไม่สามารถมองเห็นแยกแยะอะไรได้ แถมเธอก็เป็นประเภทคลั่งในสาย M (masochism)
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส)

ฮัตโตริ เซ็นโซ นินจาหนุ่ม อดีตนักกวาดล้างกลุ่มโอนิวะบังชู เขาเป็นโรคริดสีดวง และ ชอบอ่านจัมป์ หรือ C-Kids มาก ถึงกับเคยยื้อแย่งกับกินโทกิ
(พากย์ไทยโดย ไกวัล วัฒนไกร)

เฮโดโร่ ชาวสวรรค์ที่เป็นเจ้าของร้านดอกไม้ ซึ่งหน้าตากับนิสัยนั้นต่างกันสุดขั้ว ราวกับฟ้ากับเหว หน้าตาเขาก็ออกเป็นปีศาจร้ายแต่ก็เป็นคน(?)ดีสุดๆ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ)

ซากาโมโต้ ทัตซึมะ อดีตกลุ่มนักรบขับไล่ต่างแดน ปัจจุบันกำลังสนุกกับการค้าขายในอวกาศ ชอบจำชื่อกินโทกิ เป็น คินโทกิซึ่งแปลว่าลูกป๋องแป๋งเป็นประจำ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ)

ทากาสุงิ ชินสุเกะ นักรบขับไล่ต่างแดนที่ฝีมือร้ายกาจที่สุด เคยสังหารข้าราชการบาคุฟุนับ 10 ราย ปรากฏตัวครั้งแรก เล่ม 4 โดยตอนนี้เขากำลังวางแผนยึดครองญี่ปุ่น และดูท่าจะเป็นผู้เป็นคนมากที่สุดในเรื่องนี้แล้วล่ะ
(พากย์ไทยโดย ภคภูมิ ลิ้มมานะสถาพร , ธวัช รัตตะชัย (Movies - Rose))

มัตซึไดระ คาตาคุริโกะ ผู้บัญชาการตำรวจ ฉายาเทพวิบัติ ที่หึงหวง คุริโกะ ลูกสาวตัวเองสุดฤทธิ์ เอะอะอะไรก็ยิงโดยไม่ยอมฟังใคร ลูกน้อง(พวกชินเซ็นฯ)มักเรียกเขาว่า ป๋า
(พากย์ไทยโดย มนูญ เรืองเชื้อเหมือน)

องค์ชายฮาตะ หนึ่งในชาวสวรรค์ เป็นองค์ชายเพี้ยนที่รักสิ่งมีชีวิตสุดแปลกแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ หน้าตาก็คล้ายกับ จอมมารบูในดราก้อนบอล พูดสำเนียงออกอีสานหน่อย
(พากย์ไทยโดย ไกวัล วัฒนไกร)

อาเนะ กับ โมเนะ สองพี่น้องมิโกะ ผู้เคยช่วยเรียกสติซาดะฮารุที่กำลังออกอาละวาดทั่วเมืองให้กลับเป็นปกติ โดยอาเนะ คนพี่ปัจจุบันก็ทำงานในสถานบันเทิง เป็นคู่แข่งโอทาเอะ นิสัยชอบโวยวาย โป๊ะแป้งหนาเตอะ ส่วนโมเนะ คนน้องก็เป็นคนเงียบๆออกต๊องหน่อยๆ

โอคาตะ นิโซ นักดาบตาบอด ฉายา จอมสับ มีฝีมือดาบที่น่าสะพรึงกลัว เคยประมือกับกินโทกิมาแล้วหนหนึ่ง ปัจจุบันเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายหมายยึดครองญี่ปุ่นของทากาสุงิ

ยางิว คิวเบ คุณหนูแห่งตระกูลยางิว ตระกูลนักดาบสุดแกร่ง ผู้ซึ่งถูกเลี้ยงดูแบบเด็กผู้ชายมาตลอด เป็นเพื่อนสนิทกับโอทาเอะตั้งแต่สมัยยังเด็ก ชนิดที่ยอมสละตนเองปกป้องเธอได้ เธอจึงฝึกฝนวิชาดาบของตนเองให้แกร่งพอที่จะปกป้องโอทาเอะ เพื่อนรักได้ และในเล่ม 13 คิวเบเป็นคนพาโอทาเอะ ไปที่สำนักยางิว หมายมั่นให้โอทาเอะกลายเป็นคู่ชีวิตของเธอ โดยเธอนั้น สูญเสียตาข้างซ้ายขณะเข้าไปช่วยโอทาเอะจากแก๊งทวงหนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เธอต้องสวมที่คาดตาอยู่ตลอด

โทโจ อายูมุ หนึ่งในเหล่าผู้พิทักษ์ตระกูลยางิว เป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใยคิวเบเป็นอันมาก และตามดูแลไม่ให้ขาดเกิน

ฮิรางิ เก็นไง ตาลุงยอดนักวิศวกรรมเครื่องกลมือหนึ่งของเอโดะ แต่จากการที่เคยก่อเรื่องวุ่นวาย พยายามจะสังหารท่านโชกุนในเล่ม 4 นั้น ทำให้เขาถูกขึ้นป้ายประกาศจับ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ)

ทามะ เมดสาวหุ่นยนต์คนขยัน ประจำร้านสแน็คของคุณโอโทเซะ ที่เก็นไงเอามาปรับปรุงใหม่ หลังจากเสียหายยับเยินในเล่ม 17

คามุอิ พี่ชายของคางุระ มีนิสัยโหดเหี้ยม รักการฆ่าแกง ต่อสู้ ชนิดไม่สนใครหน้าไหน แม้กระทั่งคนในครอบครัวตัวเอง เขาเป็นหัวหน้ากองพลที่ 7 แห่ง ฮารุซาเมะ ซึ่งคางุระรังเกียจคามุอิสุดๆ

ซึคุโยะ มือสังหารสาว ผู้นำของกลุ่มเฮียกกะ (กลุ่มพิทักษ์ตนที่คอยพิพากษาคนที่ละเมิดกฎของโยชิวาระ) ใช้กริดเป็นอาวุธ และบาดแผลบนใบหน้าของเธอนั้น มาจากการที่เธอทำลายโฉมหน้าตนเอง เพื่อคอยรับใช้คุ้มครองฮิโนวะ (โอยรัน หรือ นางรำที่ยอดที่สุดในโยชิวาระ) อย่างสุดกำลัง

โฮเซ็น บุรุษผู้คอยค้ำจุนโยชิวาระ ดินแดนแห่งหญิงนางโลม ณ ใต้ดินที่แสงตะวันส่องไม่ถึง มีฉายา "ราชันย์รัตติกาล" แท้จริงแล้วเขาเป็นชาวเผ่ายาโตะ เหมือนกับ คางุระ ซึ่งในอดีตเคยต่อสู้กับอุมิโบซึ พ่อของคางุระ มาแล้ว

อุมิโบซึ พ่อของคางุระ เป็นนักล่าเอเลี่ยนสุดแกร่งที่ออกเดินทางไปทั่วจักรวาล มีนิสัยห่วงลูกสาว ปัจจุบัน กำลังกลุ้มกับทรงผมอันน้อยนิดของตนเอง

จิไรอะ มือสังหารสุดโฉด เป็นอาจารย์ของซึคุโยะ

เคซึโนะ อานะ หรือ เคซึโนะ คริสทีน สาวนักพยากรณ์อากาศคนโปรดของคุณกิน แต่แท้จริงแล้ว เธอคือทายาทขององเมียวจิ ตระกูลเคซึโนะ

ไซโก ฉายา มาดมัวแซล 1 ใน 4 ราชันย์สวรรค์แ่ห่งคาบุกิโจ เป็นชายสุดแกร่ง ที่เป็นทั้งนักรบ และ คุณแม่ในร่างเดียวกัน ปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการบาร์กระเทย ณ คาบุกิโจ

คาดะ ฉายา เจ้าหญิงมยุรี 1 ใน 4 ราชันย์สวรรค์แ่ห่งคาบุกิโจ เป็นชาวสวรรค์มีธุรกิจบ่อนพนันหลายแห่งในคาบุกิโจ แท้จริงแล้ว เธอคือหัวหน้าหน่วยที่ 4 แห่งกลุ่มโจรสลัดอวกาศฮารุซาเมะ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดในศึกสงครามความขัดแย้งระหว่างสี่ราชันย์สวรรค์ เพื่อหวังที่จะครอบครองคาบุกิโจแต่เพียงผู้เดียว

จิโรโจ 1 ใน 4 จักรพรรดิแ่ห่งคาบุกิโจ มีความโหดที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเขากำลังวางแผนกำจัดโอโทเซะ อยู่ แถมยังส่ง จิน พิราโกะ ลูกสาวของตนไปป่วนพวกคุณกินอีกด้วย แท้จริงแล้วสิ่งที่จิโรโจทำไปนั้น เป็นการปกป้องคาบุกิโจให้รอดพ้นจากชาวสวรรค์ทั้งสิ้น ในอดีตเขาเคยหลงรักโอโทเซะเช่นกัน





ความหมายที่แท้จริงของ กินทามะ และ เกร็ดอื่นๆ

-กินทามะนั้น ความหมายที่แท้จริงนั้น แปลว่า จิตวิญญาณสีเงิน (Gin = เงิน Tama=วิญญาณ) ซึ่งชื่อเรื่องก็ดันไปคล้องกับคำว่า คินทามะ ที่หมายถึง ลูกป๋องแป๋งของท่านชาย นั่นเอง

-ชื่อ ซากาตะ กินโทกิ ของคุณกินนั้น ก็เอามาจาก ซากาตะ โนะ คินโทกิ ซึ่งเป็นชื่อจริงของหนึ่งในทหารเอกของ ไรโก หรือ มินาโมโตะ โนะ โยริมิตซึ ขุนนางแห่งตระกูลฟูจิวาระ และ ผู้ครองแคว้นอิสุ แถมชื่อก็ไปเหมือนกับ ชื่อจริงของตัวละครตัวหนึ่งในนิทานพื้นบ้านเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น อย่าง คินทาโร่

-สมาชิกของหน่วยชินเซ็นงุมินั้น โดยเฉพาะ คอนโด้,ฮิจิคาตะ,โอคิตะ นั้น ดัดแปลงจากชื่อสมาชิกชินเซ็นงุมิที่มีตัวตนจริงๆทั้งนั้น โดยมาจาก คอนโด้ อิซามิ,ฮิจิคาตะ โทชิโซ,โอคิตะ โซจิ

-ชื่อของ ชิมูระ ชินปาจิ มาจาก ชิมูระ เคน นักแสดงตลกรุ่นเก๋าของญี่ปุ่น และ นางาคุระ ชินปาจิ หนึ่งในสมาชิกชินเซ็นงุมิที่มีตัวตนจริงๆ

-ชื่อ"ซึระ" ของ คาซึระ มีความหมายในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า วิก แถมชื่อของคาซึระ ก็อ้างอิงมาจาก คาซึระ โคโกโร่ ซามูไรและนักการเมือง มีชิวิตอยู่ในช่วงยุคสมัยโทกุกาว่าจนถึงช่วงปฏิวัติเมจิ

-ชื่อของ ซัทจัง กับ เซ็นโซ ต่างก็เอามาจากชื่อนินจา อย่าง ซารุโทบิ ซาสึเกะ กับ ฮัตโตริ ฮันโซ ตามลำดับ

-ชื่อของ ซากาโมโต้ ทัตซึม่า มาจาก ซากาโมโต้ เรียวม่า นักปฏิวัติคนสำคัญในช่วงปลายยุคสมัยรัฐบาลบาคุฟุ จนนำไปสู่การปฏิวัติเมจิ

-ชื่อของ ทากาสุงิ ชินสุเกะ มาจาก ทากาสุงิ ชินซากุ ผู้ก่อตั้งกองกำลังKiheitai(กองทัพอสุรา) ต่อต้านรัฐบาลบาคุฟุ

-ชื่อของ มัตซึไดระ คาตาคุริโกะ แผลงมาจากชื่อของ มัตซึไดระ คาตาโมริ ไดเมียวแห่งไอสุ

-ชื่อของ ยางิว คิวเบ มาจากชื่อ ยางิว จูเบ มิตซึโยชิ นักดาบคนดังของญี่ปุ่น อีกทั้งชื่อของเหล่าผู้พิทักษ์ตระกูลยางิว ทั้ง โทโจ อายูมุ,มินามิโตะ ซุย,นิชิโนะ สึคามุ และ คิตาโอจิ อิตซึกิ ก็เอามาจากชื่อตัวละครในเรื่อง อิจิโกะ 100% เช่นกัน (โทโจ อายะ,มินามิโตะ ยุย,นิชิโนะ สึคาสะ,คิตาโอจิ ซัตซึกิ)

-ชื่อของ ไซโก หนึ่งในสี่ราชันย์สวรรค์ มาจาก ไซโก ทาคาโมริ ซามูไรที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในรัฐบาลญี่ปุ่นยุคเมจิ ได้รับสมญานาม The Last Samurai

-บาคุฟุ คือ ระบอบการปกครองรวมอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง โดยเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของโชกุน ซึ่งเริ่มใช้โดย โชกุน โตกุกาว่า เออิยะสุ

-สำหรับเรื่องราวในกินทามะนั้น ก็ดัดแปลงจากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นจริงบางส่วน ซึ่งว่าด้วย ยุคที่ญี่ปุ่นถูกกองทัพสหรัฐซึ่งนำโดย พลเรือจัตวาแมทธิว ซี เพอร์รี ได้นำเรือมาล้อมอ่าวโตเกียว เพื่อบีบให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ และมีการทำสนธิสัญญาคานางาว่าขึ้น ในปี 1853 หลังจากการทำสนธิสัญญาคานางาว่านั้น ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำสนธิสัญญากับชาติตะวันตกอื่นๆตามมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เหล่าซามูไรเป็นจำนวนมาก จึงตั้งตนเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลบาคุฟุ รัฐบาลบาคุฟุก็รับมือด้วยการตั้งกองกำลังเป็นของตนเอง ซึ่งก็คือ กลุ่ม ชินเซ็นงุมิ นั่นเอง





Feedbackความนิยมทั้งญี่ปุ่นและเมืองไทย
สำหรับความนิยมของกินทามะในญี่ปุ่นนั้น ก็จัดว่าดีเลยทีเดียว นับตั้งแต่ลงในโชเน็นจัมป์ตั้งแต่ปี 2003 นั้น เรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นนำไปทำเป็นการ์ตูนอนิเม ผลิตโดย Sunrise ออกฉายปี 2006 แถมผลการโหวต Anime Grand Prix ครั้งล่าสุด เรื่องนี้ก็อยู่สูงถึงอันดับ 5 ส่วนตัวละครหลักของเรื่องอย่าง กินโทกิ,โซโกะ และ คางุระ ก็ติด 1 ใน 10 อันดับตัวละครยอดนิยมทั้งฝ่ายชายและหญิง ซึ่งรวมไปถึงยอดขายของกินทามะเฉพาะเล่มหนึ่งนั้น ก็ขายได้ถึง 1 ล้านเล่มแล้ว

และด้วยความนิยมที่มีต่อกินทามะ ก็ทำให้บ้านเรา สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิคส์ตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ลงในรายสัปดาห์ C-Kids ก่อนจะออกรวมเล่มเล่มหนึ่งในปี พ.ศ. 2548 แต่ทว่ากระแสตอบรับของกินทามะที่มีต่อนักอ่านบ้านเราในตอนนั้น ค่อนข้างไม่ดีเอาซะเลย จึงเกิดกระแสต่อต้านการ์ตูนเรื่องนี้จากผู้อ่านบางกลุ่มในแง่ที่ว่า การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไรกันแน่ อ่านไม่รู้เรื่อง บางส่วนก็บอกว่า นอกจากลายเส้นจะไม่สวยแล้ว แถมมุขก็ฝืดสุดๆ แต่ก็ด้วยพัฒนาการของผู้แต่งรวมถึงพัฒนาการของผู้แปลการ์ตูนเรื่องนี้ในฉบับภาษาไทย ก็ทำให้ฟีดแบคของกินทามะในบ้านเรานั้นเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนพอที่จะกลบกระแสด้านลบไปได้บ้าง

ส่วนหนึ่งที่กินทามะนิยมมากในญี่ปุ่นนั้น หลักๆก็มาจากมุขตลกวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการนำประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น บุคคลที่มีตัวตนจริง มาเสียดสีล้อเลียน นอกจากนี้ ก็ยังเอามุขจากละครทีวี หรือ การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆมาล้อเลียนบ้าง ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักคุ้นเคยกันดี จึงไม่แปลกใจเลยที่นักอ่านหลายคนในบ้านเรานั้นไม่เก็ตมุขกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากคนไทยเรา แต่ถ้าหากใครที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาบ้าง , อ่านการ์ตูนมาหลายเรื่องหน่อย,หรือ คุ้นเคยกับเหล่าตัวละครหน้าตาย ที่ทำเรื่องเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นได้ในเรื่องนั้น ก็คงจะฮาแบบสุดๆ อีกทั้งยังรวมไปถึงชื่อของตอนแต่ตอนที่ตั้งออกมาได้ยาว คม กวน จนอ่านแล้วรู้สึกฮา แถมพลางคิดในใจว่า ชื่อตอนนั้นมันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในตอนนั้นๆตรงไหน? แต่พออ่านๆไปก็จะพบว่า จริงๆมันก็เกี่ยวบ้างไม่มากก็น้อยนะแหละ(ลองไปสังเกตกันดีๆนะครับ) แต่อย่างน้อย มุขตลกและเนื้อเรื่องอันน่าเบื่อจากเล่มแรกนั้นก็มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จนได้แฟนๆการ์ตูนเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกพอควร ซึ่งรวมไปถึงการแปลฉบับภาษาไทยที่ขยันหยอดใส่มุข พลิกแพลง มากขึ้น (แว่วๆมาว่า คนแปลถึงกับศึกษาจากหนังพากย์ไทยโดยพันธมิตรกันเลย) จนได้อรรถรสมากขึ้น จึงพอจะมองข้ามช็อตงงๆไปได้บ้าง

และอีกส่วนหนึ่งที่มีคนชื่นชอบ ก็มาจากคาแร็กเตอร์ของตัวละครในเรื่อง ที่"รั่ว"กันแทบทุกตัว ไม่ว่าเป็นคนเท่ห์ หล่อ สวย ขนาดไหน ก็ยังอุตส่าห์ติ๊งต๊องไปกับเขาด้วย และที่สำคัญ ตัวละครชายในเรื่องก็เท่ห์หลายคน ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่สาวๆจะชอบอ่านเรื่องนี้มากกว่าผู้ชาย แถมบางคนก็เอาตัวละครหลักๆ อย่างเช่น กินโทกิ ฮิจิคาตะ มาแอบจิ้นY กันก็มี.......

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเรื่อง ไม่ได้มีแค่ฉากตลกเท่านั้น ยังมีฉากแอ็คชั่นการต่อสู้และฉากซึ้งอีกด้วย โดยจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งที่เราไม่อาจมองข้ามได้ นั่นก็คือ คำคม ครับ ถ้าสังเกตุกันดีๆก็จะพบว่า เรื่องนี้ได้แฝงปรัชญาการดำเนินชีวิตของมนุษย์เอาไว้พอสมควร ดังเช่น

"การที่ลูกปกป้องสิ่งสำคัญที่สุดของพ่อเอาไว้ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ "

ซึ่งกล่าวโดย โอทาเอะ ในแง่ของการปกป้องโรงฝึกดาบร้างของครอบครัว หากจะตีความหมายกันจริง ก็จะหมายถึง การที่เราต้องปกป้องสิ่งของที่สำคัญของคนที่เรารัก แม้ว่าสิ่งของสิ่งนั้นอาจดูไร้ค่าก็ตามที ซึ่งใครที่ตามอ่านมาตลอดนั้นก็จะพบว่า เรื่องนี้จะเน้นการปกป้องสิ่งสำคัญของเรามากเป็นพิเศษ หรือจะเป็น คำคมจากบทเรียนที่หก ที่เป็นการย้อนอดีตตอนที่ กินโทกิ กับ คาซึระ กำลังรบกับชาวสวรรค์ ในสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเสียเปรียบ คาซึระ ที่กำลังถอดใจ แต่กินโทกิกลับดาหน้าต่อสู้กับชาวสวรรค์ต่อไป แถมเขายังพูดประโยคที่กินใจอีก นั่นก็คือ
"ถ้ามีเวลาขนาดมาพร่ำพรรณนาเรื่องวาระสุดท้ายที่งดงามแล้วละก็ สู้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสวยงามจนสิ้นอายุขัยไม่ดีกว่าเรอะ" เป็นต้น

เรียกได้ว่าบางคนอ่านแล้วถึงกับโดนกับคำคมจากเรื่องนี้ไปเลยก็มี.....

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แอร์โฮสเตส และสจ๊วต

ลักษณะทั่วไปของอาชีพ

คำว่า ( AIR ) HOSTESS นั้น ความหมายตามพจนานุกรม คือ เจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิง ส่วน ( AIR ) STEWARD นั้น หมายถึง ผู้พิทักษ์

แอร์โฮสเตส และสจ๊วต จึงหมายถึงผู้พิทักษ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารบนอากาศยาน โดยมีหน้าที่ต่างๆ เช่น คอยดูแลช่วยเหลือผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉิน รับผิดชอบครวจเช็คอุปกรณ์ประจำเครื่องตามจุดต่างๆ เช่น ถังออกซิเจน เครื่องดับเพลิง ไฟฉาย หน้ากากออกซิเจน และเสื้อชูชีพ สำหรับสาธิตให้ผู้โดยสาร ฯลฯ ให้ครบถ้วนถูกต้องตามรายการ และอยู่ในสภาพใช้การได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการให้บริการด้านต่างๆ แก่ผู้โดยสาร เช่น การเตรียมอาหาร การเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม การให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสารที่เกิดเจ็บป่วย การจัดหาที่นั่งให้กับผู้โดยสาร ตรวจดูให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดก่อนเครื่องบินขึ้นหรือลง แจกหนังสือพิมพ์ นิตยสารให้ผู้โดยสารอ่าน และดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อยในห้องผู้โดยสารและห้องน้ำ รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ

แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต เป็นอาชีพที่ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ฉะนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพทางด้านนี้ ยังควรมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น

1. มีกิริยามารยาท สุภาพอ่อนโยน อบอุ่น และมีท่วงท่าที่นุ่มนวล
2. มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความเป็นมิตรกับผู้อื่น และสามารถปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นและสังคมได้ง่าย
3. มีความอดทนต่อความยากลำบากของงาน อดทนต่อปฏิกิริยาของผู้โดยสาร และมีความอดทนต่อเพื่อนร่วมงานต่างๆ
4. แต่งตัวดี สะอาด และเรียบร้อย
5. มีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
6. มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ
7. มีใจรักงานทางด้านบริการ มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีความห่วงใยเอาใจใส่อย่างจริงใจที่จะมอบให้แก่ผู้โดยสาร
8. มีความรู้ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่นๆดี
9. สามารถว่ายน้ำได้
10. เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

การทำงาน

การทำงานของแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้น เป็นเวลาที่ไม่แน่นอนไม่เลือกกลางวันหรือกลางคืน ขึ้นอยู่กับเที่ยวบินหรือสายการบินที่จะเดินทาง ว่าจะออกกี่โมงและในการเดินทางแต่ละครั้งทั้งสจ๊วต และแอร์โฮสเตสจะต้องกำหนดเวลาในการเดินทางไปสนามบินเผื่อไว้ทุกครั้ง โดยจะต้องเดินทางไปถึงสนามบินก่อนเครื่องบินออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมตัวและไม่ตกเครื่องบิน แอร์โฮสเตสและสจ๊วตจึงต้องเป็นผู้มีความรับผิดชอบอยู่สูง

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ

ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความรับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ ย่อมมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งไปสู่ตำแหน่งงานที่สูงกว่าและดีกว่า ตั้งแต่เริ่มแรก คือ เมื่อสจ๊วตและแอร์โฮสเตสได้รับการฝึกอบรมครบ 8 สัปดาห์แล้ว ก็จะเริ่มปฏิบัติงานจริง โดยในช่วงเดือนแรกจะเป็นช่วงของการทดลองงาน (บินภายในเอเชีย) จะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน จากซุปเปอร์ไวเซอร์ หรือ หัวหน้างาน ซึ่งจะประเมินผลในทุกๆด้าน เช่น การให้การบริการ การตรงต่อเวลา การร่วมมือประสานงานกัน การแสดงออก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อารมณ์ และทัศนคติ เป็นต้น เมื่อพ้นช่วงทดลองงาน 6 เดือนแล้ว จึงจะได้บินไป ตะวันออกกลางและพอผ่านการทดลองงาน 1 ปี จึงจะได้บินข้ามทวีป แต่ก็ยังคงทำงานในชั้นประหยัด ( Economy Class ) เหมือนเดิม จนกระทั่ง 1 ปี 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์สมัครชั้นธุรกิจ ( Royal Executive Class )ได้ การคัดเลือกครั้งนี้จะพิจารณาจากประวัติการทำงาน พอพ้นจากชั้นธุรกิจจึงจะมีสิทธิ์สมัครทำงาน ในชั้นหนึ่ง ( Royal First Class ) ทุกครั้งที่เลื่อนชั้นการทำงานก็จะได้รับการอบรมเพิ่มเติมทั้งในด้านอาหาร เครื่องดื่ม การบริการ และการดูแลรักษาความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินเสมอ

นอกจากความก้าวหน้าในการเลื่อนตำแหน่งของชั้นบริการแล้ว แอร์โฮสเตสและสจ๊วต ยังมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอื่นๆอีก เช่น เลื่อนเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นครูฝึก เป็นต้น

ความต้องการแรงงาน

การประกอบอาชีพแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้นเป็นอาชีพที่ต้องการความคล่องแคล่ว ว่องไว ผู้ประกอบอาชีพในตำแหน่งนี้ จึงมักเป็นผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ แต่พอมีอายุมากขึ้นก็ต้องย้ายไปทำงานในส่วนอื่น ที่มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป จึงทำให้การปลดเกษียณอายุของการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสั้นกว่าการทำตำแหน่งอื่น ( ผู้ที่ปลดเกษียณการเป็นพนักงานต้อนรับ มักจะสามารถทำงานในภาคพื้นดินได้ ) ทำให้ความต้องการของอาชีพนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับการขยายตัวของสายการบินต่างๆ ตลอดจนความเจริญก้าวหน้าทางธุรกิจ ที่เป็นต้นเหตุให้คนในประเทศต่างๆต้องมีการติดต่อกันเพื่อผลทางธุรกิจ จึงทำให้มีผู้คนที่ต้องเดินทางเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ที่มาติดต่อธุรกิจหรือผู้ที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงเป็นอาชีพที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่ตราบเท่าที่มีการขยายตัวของสายการบินต่างๆทั่วโลก

ช่างเสริมสวย

ช่างเสริมสวย

ชื่ออาชีพ ช่างเสริมสวย Beautician
รหัสอาชีพ 5-70.40 ( TSCO) 5141 (ISCO)
นิยามอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพนี้ ทำหน้าที่เสริมแต่งความงามให้กับผู้มาใช้บริการ ตรวจดูผิวพรรณของลูกค้า และให้คำแนะนำการเสริมสวยที่เหมาะสมกับลูกค้าให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแต่งหน้า อาจตัด สระ แต่งรูปผมตามความต้องการของลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการ และอาจเรียกชื่อตามลักษณะงานที่เชี่ยวชาญ
ลักษณะของงานที่ทำ ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ จะปฏิบัติหน้าที่ เสริมสวยครบวงจรตั้งแต่ การแต่งหน้า การแต่งผม การดูแลผิวพรรณ การนวด การทำเล็บ เพื่อส่งเสริมบุคลิกลักษณะของลูกค้าให้ดีขึ้น ดังต่อไปนี้

การดูแลผิวพรรณ โดยใช้น้ำยา ครีม หรือโคลนพิเศษ ทาและนวดเพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น ชะลอรอยย่น ขจัดริ้วรอย ด่างดำ บริเวณ หน้า คอ แขน ขา ตลอดจนร่างกาย ด้วยการนวดน้ำมัน อบไอน้ำ

การแต่งหน้า จัดแต่งรูปคิ้ว บนใบหน้า เสริมความงาม ใช้เครื่องสำอางตกแต่ง ให้เข้ากับลักษณะงานที่ลูกค้าต้องไปปรากฏตัว

การแต่งผม ดูแลตั้งแต่ให้คำแนะนำรูปทรงของผมที่เหมาะรับกับใบหน้า ตัด หวี ดัด ย้อมสีผม ระบายสีผม สระ นวดหนังศรีษะ อบไอน้ำ หรือหมัก และการเป่าผมให้แห้ง จากนั้นแต่งให้เข้ารูปทรงตามที่ลูกค้าต้องการ

การแต่งเล็บ ให้การบริการตัดแต่งทำเล็บมือ เล็บเท้าให้สะอาด อาจทาสีตามสมัยนิยม และเคลือบเล็บ ให้แข็งแรง

นอกจากนี้ยังต้องเตรียมจัดซื้อหา อุปกรณ์ เสริมความงามทุกชนิด ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน

สภาพการจ้างงาน สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นช่างเสริมสวยฝึกหัด หรือผู้ช่วยในร้านเสริมสวย อาจได้รับอัตราค่าตอบแทน เป็นเงินเดือน ประมาณเดือนละ 5,000 - 6,000 บาท
สำหรับช่างเสริมสวยที่มีความสามารถ และฝีมือดีเป็นที่พอใจของลูกค้า จะได้รับอัตราค่าตอบแทน เป็นรายหัว โดยแบ่งรายได้กับ เจ้าของกิจการ คือประมาณ 40 : 60 หรือแล้วแต่เงื่อนไขการตกลงว่าจ้างกับ ผู้ว่าจ้าง นอกจากนี้ช่างที่มีฝีมือเป็นที่พอใจของลูกค้าอาจได้รับเงินพิเศษ จากลูกค้า ตั้งแต่ 20 - 100 บาท จนถึงครึ่งหนึ่งของค่าเสริมสวย หรือบางครั้งอาจมากกว่าค่าเสริมสวยซึ่งขึ้นอยู่แต่ละประเภทของกลุ่มลูกค้า
ช่างเสริมสวย อาจต้องมาทำงานตั้งแต่เช้า เพื่อบริการแก่ลูกค้า และทำงานจนถึงเย็นและค่ำ จนกว่าจะปิดบริการ ซึ่งอาจมีชั่วโมงทำงานวันละ 9 -10 ชั่วโมง อาจต้องทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด

สภาพการทำงาน ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้อาจทำงานในสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ การบริการงานให้ลูกค้าส่วนมากใช้เวลา 90% ยืนปฏิบัติงาน แต่ปัจจุบันการเสริมสวย บางอย่างผู้ให้บริการ สามารถนั่งปฏิบัติงานได้ การเปิดบริการส่วนมากจะไม่มีการปิดพักเที่ยง ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานอาจต้อง ผลัดเปลี่ยนกันไปรับประทานอาหารกลางวัน

อุปกรณ์ที่ใช้ที่ปฏิบัติงาน มีทั้งน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยาย้อมผม สเปรย์ฉีดผมที่มีส่วนประกอบของสารเคมี อาจมีฝุ่นละอองจากเส้นผม ช่างเสริมสวยอาจต้องใช้ผ้าปิดจมูกขณะปฏิบัติงาน

ในกรณี ที่ผู้ประกอบอาชีพอิสระโดยใช้ที่พักอาศัยเป็นสถานที่ประกอบกิจการ อาจเปิดชั่วโมงบริการตามปริมาณ และความพอใจของผู้ให้บริการ และผู้มาใช้บริการ ซึ่งเฉลี่ยการทำงานของช่างเสริมสวย 1 คนอาจบริการให้ลูกค้าได้ 10 - 12 คน ซึ่งแล้วแต่การเข้ามาใช้บริการการเสริมสวยแบบใด ใช้เวลาในการเสริมสวยเท่าใด

ช่างเสริมสวยอาจถูกว่าจ้างให้ไปทำงานนอกสถานที่ เช่นเสริมสวยให้เจ้าสาว หรือสถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์ เป็นต้น

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้ ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา แต่ต้องมีฝีมือ และมีใจรักอาชีพบริการเสริม ความงามให้กับลูกค้า และควรมี คุณสมบัติขั้นต้นและการเตรียมตัวดังต่อไปนี้

1. เข้าอบรมหลักสูตรเสริมสวยระยะสั้นจากโรงเรียนเสริมสวยที่มีชื่อเสียง 6 เดือน

2. ควรเข้ารับการฝึกหาประสบการณ์ โดยการเป็นพนักงานหรือลูกจ้างในร้านเสริมสวยประมาณ 6 เดือน -1 ปี

3. เป็นคนอ่อนน้อม มีมารยาท รู้จักกาลเทศะ และรู้จักเอาใจผู้ใช้บริการ

4. เป็นคนขยัน มีความอดทน และมีความภูมิใจในอาชีพ

ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้คือ : สามารถเข้ารับการอบรมจากสถาบันเสริมสวยที่มีชื่อเสียง ซึ่งนักเรียนไม่จำกัดวุฒิการศึกษา ค่าเรียนหลักสูตรเสริมสวย ระยะเวลา 6 เดือน ประมาณ 12,000 บาท

ซึ่งจะสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น ม้วนผม ตัดผม ตกแต่งทรงผม รักษาเส้นผม นวดหน้า เมื่อสำเร็จแล้วจะได้รับประกาศนียบัตร และสามารถนำมาประกอบอาชีพในอาชีพ ช่างเสริมสวยได้ เช่น ช่างแต่งผม ช่างตัดผม และช่างแต่งหน้าได้


โอกาสในการมีงานทำ ตลาดแรงงานสำหรับผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ ยังเปิดกว้าง ร้านเสริมสวยแบ่งออกเป็นหลายประเภท และหลายระดับ เพื่อบริการกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มตามสภาพเศรษฐกิจ

เช่น กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้บริหารระดับสูง และกลุ่มแม่บ้าน นอกจากนี้ วัยรุ่นทั้งหญิงชายหันมาให้ความสนใจ ในเรื่องการตกแต่งแบบผมกันเป็นจำนวนมากขึ้น และเข้ารับการดัดแปลงกันเป็นประจำเพื่อให้ก้าวทันตามแฟชั่นจากต่างประเทศ

ทัศนคติของผู้ใช้บริการด้านเสริมสวยในปัจจุบันค่อนข้างเปลี่ยนไปคือเข้ารับการบริการเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และนอกจากใช้บริการตกแต่งความสวยงามของทรงผม ยังมารับบริการเสริมความงามต่างๆ ที่สถานเสริมสวยบริการไว้ครบวงจร เช่น นวดหน้า ขัดผิวพรรณด้วยสมุนไพร ด้วยกลิ่นหอม อาบน้ำนม อบไอน้ำ นวดตัว แต่งหน้า ให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ผู้รับปริญญา

นอกจากนี้ ช่างผมสตรีสามารถตัดผม ให้สุภาพบุรุษได้ด้วย ในวัยรุ่นชายก็เข้ารับการตัดผมดูแลผมจากร้านเสริมสวยที่วัยรุ่นหญิงใช้บริการเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน ช่างผมบุรุษได้ทำงานเป็นช่างตัดแต่งผมให้แก่ผู้ใช้บริการที่เป็นสตรีกันมากขึ้น และอยู่ในความนิยม ดังนั้น บุรุษก็สามารถทำงานเป็นช่างตัดแต่งผมสตรีได้

ปัจจุบันร้านเสริมสวยครบวงจรได้ขยายการเปิดในทำเลธุรกิจ เช่น ในอาคารสำนักงานให้เช่า และที่อยู่อาศัยคอนโดมีเนียม บริเวณโรงแรม บริเวณซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ที่ทำธุรกิจหรือพนักงานขององค์กรเหล่านั้น ทำให้ความต้องการทางด้านปริมาณของช่างเสริมสวย ขยายตัวมากขึ้น

โดยทั่วไปจำนวนช่างเสริมสวยที่ต้องการในร้านเสริมสวยขนาดกลาง อาจต้องการประมาณ 5 คน ขึ้นไป ส่วนในร้านขนาดใหญ่ อาจต้องการช่างมากกว่า 10 คนขึ้นไป และร้านเสริมสวยต่างต้องหา ช่างเสริมสวยมาหมุนเวียนทดแทน ผู้ออกไปทำงานให้แก่ร้านเสริมสวยแห่งอื่นหรือไปเปิดกิจการของตนเองตลอดเวลา แต่บางรายก็อาจหมุนเวียนกลับมาอีก

เนื่องจากอาชีพช่างเสริมสวยเป็นอาชีพที่หางานทำได้ไม่ ยากนัก และถ้าหากมีฝีมือเป็นที่นิยมของลูกค้า ก็จะถูกชักชวนจากเจ้าของกิจการและได้รับค่าจ้างสูง แต่ช่างเสริมสวยต้องหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมและติดตามความเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถบริการได้ถูกใจลูกค้า


นอกจากนี้ในโรงเรียนหรือสถาบันสอนเสริมสวยที่มีชื่อเสียง นักเรียนเสริมสวยที่เรียนสำเร็จแล้ว จะได้รับการจองตัวจากร้านเสริมสวย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปเป็นพนักงานหรือช่างประจำร้าน

ในกรณีที่ต้องการเปิดกิจการเสริมสวยด้วยตนเอง อาจใช้บ้านเป็นร้านเสริมสวย ซึ่งใช้งบประมาณ ตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป ถ้าร้านเสริมสวยขนาดเล็กถึงกลางที่มีช่างเสริมสวยหลายคนอาจใช้งบประมาณในการ จัดร้านประมาณ 1 - 2 แสนบาท และสามารถได้เงินคุ้มทุนเร็วซึ่งขึ้นอยู่กับความขยัน การบริการ และฝีมือของช่างเสริมสวย

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพนี้ถ้ามีฝีมือ และพัฒนาฝีมือของตนเองตลอดเวลา อาจพัฒนาตนเองเป็น ช่างเสริมสวยประจำสตูดิโอ กองถ่ายภาพยนตร์ หรืองานแสดงแบบเสื้อ ซึ่งจะมีค่าตอบแทนค่อนข้างสูง

ช่างเสริมสวยผู้มีความสามารถ ขยัน อุปนิสัยดี จะเป็นเจ้าของกิจการของตนเองได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยการเลือกหาทำเลในการเปิดร้านที่เหมาะสม หรืออาจเปิดร้านในหมู่บ้านและปฏิบัติงานเพียงคนเดียวก็ได้หรือเปิดโรงเรียนเสริมสวยของตนเอง ซึ่งมีช่างเสริมสวยที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ เป็นจำนวนมาก

ช่างเสริมสวยไม่ควรหยุดนิ่ง ควรหาเทคนิคใหม่เกี่ยวกับการเสริมสวยที่ทันสมัย มาบริการลูกค้า อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจูงใจลูกค้าให้มาใช้บริการเป็นการประจำ

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนมากผู้ประกอบอาชีพนี้มักจะไม่เปลี่ยนอาชีพ แต่อาจทำธุรกิจเสริมที่เกี่ยวเนื่องกับความงาม คือเป็นตัวแทนขายเครื่องสำอางหรือเครื่องประทินผิวพรรณ ตลอดจนเครื่องประดับตกแต่งผม หรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆ
แหล่งข้อมูลอื่น ๆ โรงเรียนและสถาบันเสริมสวยที่มีชื่อเสียงและกระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยาฐานะ ร้านเสริมสวยต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น โรงเรียนเสริมสวยเกสรี การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

ประวัติวันสงกรานต์

วันสงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์ ตำนานสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"



สงกรานต์

เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี

พิธีสงกรานต์

เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข

ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริม จนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ

การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม ที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ตำนานนางสงกรานต์

ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย

ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน

ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้

ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกา พระอินทร์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะ ก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหม แห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์ แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้

1. ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ
2. ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)
3. ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)
4. ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)
5. ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)
6. ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)
7. ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)

สำหรับความเชื่อทางล้านนานั้นจะมีว่า

1. วันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี
2. วันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา
3. วันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี
4. วันพุธ ชื่อ นางมันทะ
5. วันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ
6. วันศุกร์ ชื่อ นางริญโท
7. วันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง


สูตรและวิธีการทำ
สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง

สูตรสบู่สมุนไพรขมิ้นชันจากชาววัง สูตรนี้เป็นการนำเอาเหง้าของขมิ้นชันมาผสมผสานเข้าไปในเนื้อของสบู่ที่ทำขึ้น การนำเอาเหง้าขมิ้นชันมาเป็นส่วนผสมสำคัญของสมุนไพรนี้ สืบทอดองค์ความรู้ที่สะสมมาจากบรรพบุรุษไทยเรา การเอาเหง้าขมิ้นชันมาเป็นยาธรรมชาติบำรุงผิวพรรณ ช่วยสร้างความสะอาดหมดจดแก่ผิวหนังของคนเรา สร้างความนุ่มนวลและขจัดความหม่นหมองของผิวกาย ฆ่าเชื้อรา เชื้อโรค ที่มาอยู่กับผิวหนังให้หมดไป สร้างความสดชื่นให้เกิดขึ้น สบายเนื้อสบายตัวอย่างดีมาก สบู่สมุนไพรขมิ้นชันจึงมีคุณภาพที่ดีเยี่ยมอีกอย่างหนึ่ง

ส่วนผสมของสบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง


น้ำสมุนไพรเหง้าขมิ้นชันข้มข้น 450 กรัม
โซเดียมไฮดรอกไซด์บริสุทธิ์ 180 กรัม
น้ำมันมะพร้าว 360 กรัม
น้ำมันมะกอก 630 กรัม
น้ำมันรำข้าว 420 กรัม
วิธีทำสบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง

เริ่มต้นจากการนำเอาน้ำมันมะพร้าวมารวมกับน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว มาผสมรวมกันทั้งหมดในภาชนะ คนให้ละลายรวมเข้าด้วยกันทั้งหมด จึงเอาไปต้มจนกระทั่งอุณหภูมิความร้อน 100 องศาฟาเรนไฮต์ ยกเอาลงมาพักไว้ก่อน

ต่อมาก็เอาโซเดียมไฮดรอกไซต์อย่างระมัดระวังอย่างมาก เพราะเป็นด่างที่เข้มข้นร้อนแรงมาก เอาโซเดียมไฮดรอกไซต์ค่อย ๆ ใส่ลงไปในภาชนะสเตนเลสสตีลที่มีน้ำสมุนไพรขมิ้นชันเข้มข้นทีละเล็กที่ละน้อย คนให้ละลายเข้าด้วยกันทั้งหมด

ลำดับต่อมาเอาโซเดียมไฮดรอกไซต์ที่ผสมกับน้ำสมุนไพรขมิ้นชันเข้มข้นมาค่อย ๆ เทลงไปในน้ำมันที่ผสมรวมกันอยู่ คนให้เข้าด้วยกัน คนให้เข้ากันให้ดีที่สุด เมื่อรวมตัวกันอย่างดีแล้วจะสังเกตุเห็นว่ามีลักษณะที่เหนียวข้นมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือเนื้อสบู่สมุนไพรนั่งเอง

เอามาเทในแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ถ้าทำใช้เองไม่ต้องมีแม่พิมพ์ก็เอามาใส่ลงไปในถาด แล้วเอามาตัดเป็นก้อนเป็นแผ่นทีหลัง

ปล่อยเอาไว้เฉย ๆ ในห้องที่มีอุณหภูมิตามธรรมดาประมาณ 1 วัน 1 คืน หรือประมาณ 24 ชั่วโมง จึงเอาออกมาจากแม่พิมพ์ได้ เอาวางเรียงไว้เฉย ๆ หาอะไรคลุมไว้ด้วยเพื่อไม่ให้กลิ่นหอมของของขมิ้นชันระเหิดออกไปมาก และจะต้องปล่อยทิ้งเอาไว้ประมาณ 45วัน เพื่อให้เนื้อสบู่แข็งตัวคงที่นั่งเอง

นำสบู่ที่ได้มาห่อด้วยกระดาษแก้วหรือพลาสติก หรือใส่กล่องพร้อมใช้
ข้อควรระวังและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ
สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง

การทำสบู่สมุนไพรขมิ้นชัน ควรระมัดระวังในเรื่องของการเอาโซเดียมไฮดรอกไซต์มาผสมกับน้ำ เพราะจะเกิดความร้อนแรงพลุ่งพล่านจนน้ำเดือดขึ้นมา เนื่องจากโซเดียมไฮดรอกไซต์มีฤทธิ์เป็นด่างอย่างแรงมากนั่งเอง ค่อย ๆ ผสมที่ละเล็กที่ละน้อย อย่าทำด้วยความประมาณหรือไม่ระมัดระวังตัวเอง หรือเด็กที่อยู่ใกล้ ๆ สารเคมีตัวนี้ และควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ๆ

ควรสวมถุงมือยางป้องกัน และสวมรองเท้ายางหุ้มมาถึงแข้งป้องกันเอาไว้ ต้องปิดปากและจมูกด้วยหน้ากากป้องกันกลิ่นและไอระเหยที่ออกมาจากสารเคมีอันเป็นด่างอย่างแรงนี้ด้วย ควรสวมแว่นตาเอาไว้ด้วย เพื่อป้องกันการกระเด็นของสารเคมีที่อาจจะเกิดขึ้น

ต้องเอาขวดน้ำส้มสายชู ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดวางไว้ใกล้ ๆ เพื่อใช้การได้ทันทีทันใด ถ้าโซเดียมไฮดรอกไซต์กระเด็นมาสัมผัสผิวกายหรือหกรดราดไปที่เท้า ขา แขน ฯลฯ หากเกิดอันตรายเช่นนี้ขึ้นมา ต้องรีบเอาน้ำส้มสายชูกลั่นนี้ราดลงไปในบริเวณที่ถูกสารเคมีอันมีฤทธิ์เป็นด่างอย่างแรงทันทีเพื่อขจัดอาการร้อนแรงนั้นลง

หลังจากการใช้น้ำส้มสายชูแล้ว หากปวดแสบปวดร้อนมาก ควรรีบไปหาแพทย์ในทันที

วิธีการทำน้ำขมิ้นชันเข้มข้น
นำเหง้าขมิ้นชันมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ได้ปริมาณ 500 กรัม ล้างให้สะอาดแล้วใส่ลงไปในน้ำสะอาด 7 ถ้วยตวง นำไปต้มเคี่ยวจนเหลือน้ำสมุนไพรขมิ้นชันที่เข้มข้นเพียง 2 ถ้วยตวง เราก็จะได้น้ำขมิ้นชันเข้มข้นพร้อมที่จะนำไปผสมการทำสบู่

สรรพคุณของขมิ้นชัน
ขมิ้นชันเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมใช้กันมาช้านานแล้วและนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งในรูปแบบของยา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สีผสมอาหาร สีย้อมผ้าและเตรื่องสำอาง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ของน้ำมันหอมระเหย และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น ฤทธิ์ในการช่วยรักษาอาการอาหารไม่ย่อย ลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบ ฯลฯ ทำให้สมุนไพรนี้ได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและต่างประเทศอย่างมาก

แนะนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ขมิ้นชัน พืชน้ำมันหอมระเหยที่มีศักยภาพของไทย
มหัศจรรย์สมุนไพรกลิ่นหอมธรรมชาติสู่กลิ่นบำบัดในอโรมาเทอราปี

เรียบเรียงสูตรและวิธีการทำ
สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง
โดยกองบรรณาธิการ
www.YesSpaThailand.com

ประวัติความเป็นมาข้าวหลาม

ประวัติความเป็นมาข้าวหลาม

ข้าวเหนียวขาว เป็นอาหารหลักอีกประการหนึ่งของชาวอีสานซึ่งรับประทานกันเป็น
ประจำเหมือนกับการรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักประจำในภูมิภาคอื่น ๆ ประชาชน
ชาวอีสานนิยมรับประทานข้าวเหนียวกับปลาร้า ปลาเจ่า และผักสด ผักดองเป็น
ประจำจนเป็นอาหารหลัก แต่ยังสามารถนำมาเป็นอาหารว่างได้อีกด้วย เช่น
ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน เป็นต้น

ข้าวเหนียวดำมีผู้นิยมรับประทานกันมากเช่นเดียวกับข้าวเหนียวขาว อย่างเช่น
ข้าวเหนียวดำกับเผือกก็อร่อยไม่ใช่เล่น ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ สามารถ
นำมาเป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งคือ ข้าวหลาม ในตอนนี้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดต้อง
ยกให้ " ข้าวหลามหนองมน " ที่มีการทำกันเป็นจำนวนมากและยังอร่อยอีกด้วย

หนองมน เป็นชื่อเรียกสถานที่หนึ่งในตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจาก
ตัวจังหวัดชลบุรีประมาณ 11-12 กิโลเมตร ตลาดหนองมน หรือตลาดแสนสุข
นับเป็นแหล่งการค้าที่เจริญมากที่สุดในจังหวัดชลบุรี ทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยผู้คนที่
เดินกันเต็มไปทั้งตลาดที่มาจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อของฝากไปให้ญาติพี่น้อง จนพูด
กันว่ามาถึงตลาดหนองมนไม่ซื้อข้าวหลามหนองมนติดมือกลับไปเท่ากับว่ายังมา
ไม่ถึงหนองมน

ข้าวหลาม นับเป็นสินค้าขึ้นชื่อชนิดที่ติดอันดับ 1 มีผู้นิยมรับประทานมาก และ
มีผู้ขายมากที่สุด และรองลงมาก็คืออาหารทะเล สินค้าแปรรูป เช่น เครื่องจักสาน
ส่วนสินค้าทะเลที่มีขาย เช่น ปลาหมึกตากแห้ง กุ้งแห้ง และห่อหมก ข้าวหลาม
หนองมนนั้นมีรสชาติหอม หวาน เค็ม มัน ที่บรรจงกรอกอยู่ในกระบอกไม้ไผ่
ข้ามหลามแต่ละกระบอกต้องพิถีพิถันกันมาก และต้องบรรจงกรอกอย่างปราณีต
เพื่อจะให้ข้าวเหนียว ถั่วดำกลมกลืนอย่างมีรสชาติที่เข้มข้นและการทำข้าวหลาม
ยังมีวิธีที่น่าสนใจอีกมาก

ข้าวหลามหนองมน เป็นที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ มีชื่อเสียงไม่แพ้
ของท้องถิ่นในจังหวัดอื่น ๆ เพราะข้าวหลามหนองมน มีการดัดแปลงโดยการ
สอดไส้มากมาย เช่น ไส้กล้วย ไส้เผือก ไส้มะพร้าวอ่อน เป็นที่นิยมของพื้นบ้าน
มีวางขายหลายร้านจนมีชื่อเสียง

ประวัติความเป็นมาของข้าวหลามมีรายละเอียดไม่มากนักเพราะการทำข้าวหลาม
มีมาตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะมีคนบอกว่าการทำข้าวหลามนั้น
ทำมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย ที่คิดดัดแปลงมาโดยนำข้าวเหนียวกับถั่วดำมาปน
คลุกเคล้ากันแล้วใส่กระบอก แต่บางคนบอกว่าทำด้วยข้าวเหนียวแดงใส่ถุงแล้วหาบ
ขาย ต่อมานิยมทำกันมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นข้าวหลามใส่กระบอกไม้ไผ่ สมัยก่อน
มีไม้ไผ่มากพอในการทำข้าวหลาม แต่ในปัจจุบันมีการผลิตข้าวหลามขายกัน
ถ้วนหน้าจนมีชื่อเสียงแพร่หลายและนิยมทำกันมากในชุมชนจนยึดเป็นอาชีพ
กระบอกไม้ไผ่จึงหายากต้องสั่งมาจากจันทบุรีเป็นคันรถ