วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มงคลที่ 38

มงคลที่ 1.ไม่คบคนพาล
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน

มงคลที่ 2.การคบบัณฑิต
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา

มงคลที่ 3.การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ

มงคลที่ 4.การอยู่ในถิ่นอันสมควร
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล

มงคลที่ 5.เคยทำบุญมาก่อน
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก

มงคลที่ 6 การตั้งตนชอบ
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา

มงคลที่ 7 ความเป็นพหูสูต
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี

มงคลที่ 8 การรอบรู้ในศิลปะ
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ

มงคลที่ 9 มีวินัยที่ดี
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย
คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา
เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ

ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก
ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ
ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน

มงคลที่ 10 กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเลลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง

มงคลที่ 11 การบำรุงบิดามารดา
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง

มงคลที่ 12 การสงเคราะห์บุตร
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์

มงคลที่ 13.การสงเคราะห์ภรรยา
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทงผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย

มงคลที่ 14.ทำงานไม่คั่งค้าง
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ

มงคลที่ 15.การให้ทาน
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน

มงคลที่ 16.การประพฤติธรรม
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี

มงคลที่ 17.การสงเคราะห์ญาติ
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ

มงคลที่ 18 ทำงานไม่มีโทษ
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน

มงคลที่ 19 ละเว้นจากบาป
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย

มงคลที่ 20 สำรวมจากการดื่มน้ำเม
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน

มงคลที่ 21 ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน

มงคลที่ 22 มีความเคารพ
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง

มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย

มงคลที่ 24 มีความสันโดษ
ความสันโดษ พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี

มงคลที่ 25 มีความกตัญญู
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน

มงคลที่ 26 การฟังธรรมตามกาล
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร

มงคลที่ 27 มีความอดทน
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล

มงคลที่ 28 เป็นผู้ว่าง่าย
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา

มงคลที่ 29 การได้เห็นสมณะ
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

มงคลที่ 30 การสนทนาธรรมตามกาล
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร

มงคลที่ 31 การบำเพ็ญตบะ
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข ฌาณโกลีย์

มงคลที่ 32 การประพฤติพรหมจรรย์
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ์
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคล

มงคลที่ 33 การเห็นอริยสัจ
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร

มงคลที่ 34 การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก

มงคลที่ 35 การมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ

มงคลที่ 36 การมีจิตไม่โศกเศร้า
คราวพลักพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง

มงคลที่ 37 มีจิตปราศจากกิเลส
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม

มงคลที่ 38 มีจิตเกษม
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร

เรื่องย่อกินทามะ

เรื่องย่อ
เรื่องราวของ การใช้ชีวิตผู้คนในกรุงเอโดะ ในยุคสมัยที่มี ญี่ปุ่นมีการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติมากขึ้น แต่ขอโทษทีเถิด ชาวต่างชาติที่ว่านั้นมันกลับเป็น"ชาวสวรรค์" หรือ มนุษย์ต่างดาวซะงั้น เมื่อ20ปีก่อน ชาวสวรรค์จากอวกาศได้ออกคำสั่งริบยศถาบรรดาศักดิ์และยึดดาบไป ทำให้ยุคซามูไรที่รุ่งเรืองสุดขีดต้องเกิดการเสื่อมถอย บทบาทของซามูไรถูกลดลงตามไปด้วย แต่ในยุคนั้นยังมีผู้ที่ยึดมั่นในจิตวิญญาณซามูไรที่ตนเชื่ออยู่ เขาเป็นชายแปลกๆ นาม ซากาตะ กินโทกิ หนุ่มนักรับจ้างสารพัดสุดเพี้ยนเท่านั้นที่ยังจับดาบอยู่ แถมเขานั้น ก็มีสหายผู้ช่วยอย่าง ชินปาจิ หนุ่มแว่นธรรมดาๆ และ สาวน้อยจากเผ่ายาโตะ คางุระ ที่พร้อมจะสร้างความสนุกสนานวุ่นวายแทบทุกตอน



ตัวละคร
(รายชื่อนักพากย์ไทย อิงจากของ Tiga เป็นหลัก)


นักรับจ้างสารพัด
ร้าน"กินจัง รับจ้างสารพัด"ตั้งสำนักงานอยู่ที่ชั้นสอง บนร้านสแนคของคุณโอโทเซะ ปัจจุบันกำลังติดปัญหาค้างค่าเช่าอย่างแรง

ซากาตะ กินโทกิ ชายหนุ่มผมสีเงิน ตัวเอกของเรื่องนี้ อดีตเป็นพวกขับไล่ต่างแดน(เป็นการปกป้องประเทศด้วยการผลักดันชาวสวรรค์ออกไป) ดูเหมือนจะมีฝีมือดาบค่อนข้างดีทีเดียว ปัจจุบัน เขาทำงานเป็นนักรับจ้างสารพัด ชอบใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ซึ่งหากไม่ได้กินของหวานตามเวลาที่กำหนดจะอ่อนระโหยโรยแรง... และระดับน้ำตาลในเลือดบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงได้เป็นโรคเบาหวาน(ชอบของหวานโดยเฉพาะ พาร์เฟ่ท์) งานอดิเรกคือ ขี่สกู้ตเตอร์ ชอบอ่านจัมป์รายสัปดาห์ (ในฉบับภาษาไทยเปลี่ยนจากจัมป์เป็น C-Kids) ซึ่งเรื่องโปรดของคุณกินในจัมป์ก็คือ กินนิคุแมน ส่วนเรื่องที่คุณกินไม่ชอบเอามากๆก็คือเรื่อง กินทาแมน
(พากย์ไทยโดย มนูญ เรืองเชื้อเหมือน / ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี (True Visions) / นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ (Right Beyond) / สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล (Movies - Rose))

ชิมุระ ชินปาจิ ลูกเจ้าของโรงฝึกดาบที่ปิดตัวลง เพื่อเรียนรู้ถึงจิตวิญญาณซามูไรจึงมาทำงานเป็นลูกน้องกินโทกิ ตอนนี้กำลังคิดผิดอย่างแรง เพราะทำงานมาตั้งนาน ไม่เคยได้รับค่าจ้างเลย เขาเป็นตัวละครจอมชง เบรคมุขโดยแท้ เพราะเอาแต่โวยวายตลอด แต่ไม่กล้าหือกับ โอทาเอะ พี่สาวหน้าหวานสุดเถื่อน นอกจากนี้เขายังเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้พิทักษ์ เทราคาโดะ ซือ ไอด้อลคนโปรดของเขาด้วย
(พากย์ไทยโดย ภคภูมิ ลิ้มมานะสถาพร (Tiga & Right Beyond)/ อภินันท์ ธีระนันทกุล (Movies - Rose))

คางุระ อาหมวยหน้าตาน่ารัก ถึงจะตัวเล็กแต่ก็พลังช้าง เพราะเธอเป็นชนเผ่ายาโตะ เผ่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล พูดสำเนียงออกจีนๆ ลงท้ายด้วย น่อ มักถือร่มเวลาไปไหนมาไหนชอบกินบ๊วยแผ่น บ้าละคร และเธอก็เป็นตัวเสริมมุขคอยทำเรื่องป่วนๆคล้อยตามกินโทกิอยู่เนืองๆ เพื่อทำงานหาเงินช่วยครอบครัว เธอจึง(โชว์พาว)เข้าร่วมกลุ่มนักรับจ้างสารพัดด้วยคน
(พากย์ไทยโดย วิภาดา จตุยศพร / ศรีอาภา เรือนนาค (Right Beyond) /อังคณา พานประทีป (Movies - Rose))

ซาดะฮารุ สุนัขที่คางุระเก็บได้ที่หน้าบ้าน เป็นอินุงามิ ขนาดพี่บิ๊ก คาดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตล้ำค่ามาก โดยคางุระรักมันมาก มันจึงไม่ค่อยทำอะไรคางุระเท่าไหร่ แต่มันชอบงับหัวคนโดยเฉพาะกับกินโทกิ


กองกำลังชินเซ็นงุมิ
กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบาคุฟุ




คอนโด้ อิซาโอะ หัวหน้าชินเซ็นงุมิ ที่รูปร่างหน้าตาราวกับกอริลล่า ที่ดูยังไงไม่ค่อยมีมาดผู้นำเท่าไหร่ นิสัยขี้ตื๊อสุดๆและจะทุ่มสุดตัวในสิ่งที่ต้องการ โดยเฉพาะกับความรักที่มีต่อโอทาเอะ แต่ก็ถูกโอทาเอะสอยกลับเป็นประจำ และมักเป็นผู้รับเคราะห์เจ็บตัวก่อนใคร รวมถึงเป็นตัวปล่อยมุขเสื่อมๆประจำรื่องด้วย เขามีชื่อนามแฝงในเน็ตคือ ฟรุตจินโพซามูไร และมักเจอกับ คาซึระ โดยบังเอิญบ่อยๆ จนเกิดเรื่องบ้าๆขึ้น
(พากย์ไทยโดย ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี /สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล (Movies - Rose))

ฮิจิคาตะ โทชิโร่ รองหัวหน้าชินเซ็นงุมิสุดเท่ห์ ฉายา ท่านรองฯปีศาจ มีนิสัยเยือกเย็น เจ้าระเบียบ แต่ถ้าได้จับดาบจะบ้าบิ่นลุยไม่ยั้ง และเป็นคู่กัดคู่ปรับกับกินโทกิด้วย เคยเจอกับกินโทกิ 2 ครั้ง และแพ้ทั้ง 2 ครั้ง เขาเป็นคนที่บ้ามายองเนสเอามากๆ จนต้องพกมายองเนสมาเป็นเครื่องเคียงในการกินกับข้าวกลางวัน เมนูเด็ดของเขาคือ ฮิจิคาตะสเปเชี่ยล
(พากย์ไทยโดย ไกวัล วัฒนไกร / ธีระ โรจนานันท์ (Movies - Rose))

โอคิตะ โซโกะ สมาชิกหนุ่มหน้าใส เป็นนักดาบมือหนึ่งของชินเซ็นงุมิ ดูเหมือนเป็นคนร่าเริง นิสัยออกเด็กๆ แต่จริงๆแล้วคบไม่ได้ หมายตำแหน่งรองหัวหน้าอยู่ ลอบกัดฮิจิคาตะก็หลายครั้ง ฮิจิคาตะมักเรียกเขาว่า เจ้าชายแห่งดาว S (ซาดิสม์) เขาเป็นคนที่เข้ากับกลุ่มนักรับจ้างสารพัดได้ดี โดยเรียกกินโทกิว่ารุ่นพี่ แต่เขามักจะกัดกับคางุระเป็นประจำ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ/ อภินันท์ ธีระนันทกุล (Movies - Rose))

ยามาซากิ ซางารุ สปายประจำกลุ่มชินเซ็นงุมิ ชอบแอบไปซุ่มตีแบดมินตันบ่อยๆ(ตีกับใครก็ไม่รู้) ด้วยท่าทางที่จริงจังมาก และเป็นที่ระบายอารมณ์ของฮิจิคาตะก็ออกบ่อย
(พากย์ไทยโดย มนูญ เรืองเชื้อเหมือน)



คนอื่นๆ

ชิมุระ ทาเอะ (โอทาเอะ) พี่สาวของชินปาจิ มองแค่ภายนอก เธอจะเป็นคนสวย ใจดี ยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่เบื้องหลังมีนิสัยเถื่อนดิบชอบใช้กำลัง นอกจากจะเป็นคนคอยสืบทอดโรงฝึกดาบของครอบครัวแล้ว ปัจจุบันเธอก็ทำงานบริการในสถานบันเทิง แต่ความสามารถด้านการทำอาหารถึงขั้นห่วย (ทำไข่เจียวเป็นไข่ดำตลอด) จนเป็นสาเหตุให้ชินปาจิสายตาสั้น(!?) มี ฮาเก้นดาส เป็นอาหารสุดโปรดของเธอ
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส (Tiga)/ ฉันทนา ธาราจันทร์ (Right Beyond & Movies - Rose))

คาซึระ โคทาโร่ เป็นนักรบขับไล่ต่างแดนที่ยังรอดชีวิตอยู่ หวังจะช่วยปกป้องความสงบสุขของญี่ปุ่น ในอดีตเป็นเพื่อนรักกับกินโทกิและมักโดนเรียกว่า "ซึระ" อยู่เนืองๆ (แต่เจ้าตัวไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อนั้น) ถึงจะเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่ตัวจริงนั้นรั่วมาก(เผลอๆจะรั่วสุดในเรื่อง) ปัจจุบันเป็นผู้ก่อการร้าย คอยหลบหนีกลุ่มชินเซ็นงุมิตลอด (บางทีก็ปลอมตัวไม่ให้ใครจับได้ด้วยการเป็น กัปตันคาเซอระ , ฯลฯ) เขามีชื่อนามแฝงในเน็ตคือ ฟรุตโพนจิซามูไร
(พากย์ไทยโดย ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี)

อลิซาเบธ สัตว์เลี้ยงจากต่างดาวที่คาซึระ ได้รับจาก ซากาโมโต้ ทัตซึมะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยังงงๆอยู่ว่า มันเป็นเพนกวินยักษ์ หรือ เป็นคนมาสวมชุดกันแน่

คุณโอโทเซะ( เทราดะ อายาโนะ) มาม้าของร้านแสน็คที่อยู่ชั้นล่างของร้านรับจ้างสารพัด ชอบพูดทวงค่าเช่า มักจะใช้คำพูดที่รุนแรง แต่ตอนสาวๆสวยมาก เ็ป็นหนึ่งในสี่ราชันย์สวรรค์แ่ห่งคาบุกิโจ
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส)

แคทเธอลีน ชาวสวรรค์ที่เป็นคนคอยรับใช้คุณโอโทเซะ อดีตเคยเป็นสมาชิกแก๊งโจร ปัจจุบันกำลังปรับปรุงตัว
(พากย์ไทยโดย อภิญญา พรมานะสุขุม)

เทราคาโดะ ซือ หรือ โอซือจัง นักร้องไอด้อลคนดัง ขวัญใจของชินปาจิ
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส)

ฮาเซงาว่า ไทโซ อดีตข้าราชการบาคุฟุ แต่จากการที่ไปต่อยองค์ชายฮาตะ แถมดูแลสัตว์เลี้ยงขององค์ชายไม่ดีอีก ทำให้เขาต้องหมดสิ้นทุกอย่าง ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนงานไปเรื่อย หมดเงินไปกับปาจิงโกะไปเรื่อย มักโดนคางุระเรียกว่า มาดาโอะ - ผู้ชายไม่ได้เรื่อง (madao - marude damena ossan)
(พากย์ไทยโดย ภัทราวุฒิ สมุทรนาวี)

ซารุโทบิ อายาเมะ หรือ "ซัทจัง" นินจาสาวนักกวาดล้างกลุ่มโอนิวะบังชู ปัจจุบันตกหลุมรักกินโทกิ มีถั่วหมักเป็นอาวุธ และ หากไม่มีแว่นตา เธอก็ไม่สามารถมองเห็นแยกแยะอะไรได้ แถมเธอก็เป็นประเภทคลั่งในสาย M (masochism)
(พากย์ไทยโดย อรุณี นันทิวาส)

ฮัตโตริ เซ็นโซ นินจาหนุ่ม อดีตนักกวาดล้างกลุ่มโอนิวะบังชู เขาเป็นโรคริดสีดวง และ ชอบอ่านจัมป์ หรือ C-Kids มาก ถึงกับเคยยื้อแย่งกับกินโทกิ
(พากย์ไทยโดย ไกวัล วัฒนไกร)

เฮโดโร่ ชาวสวรรค์ที่เป็นเจ้าของร้านดอกไม้ ซึ่งหน้าตากับนิสัยนั้นต่างกันสุดขั้ว ราวกับฟ้ากับเหว หน้าตาเขาก็ออกเป็นปีศาจร้ายแต่ก็เป็นคน(?)ดีสุดๆ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ)

ซากาโมโต้ ทัตซึมะ อดีตกลุ่มนักรบขับไล่ต่างแดน ปัจจุบันกำลังสนุกกับการค้าขายในอวกาศ ชอบจำชื่อกินโทกิ เป็น คินโทกิซึ่งแปลว่าลูกป๋องแป๋งเป็นประจำ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ)

ทากาสุงิ ชินสุเกะ นักรบขับไล่ต่างแดนที่ฝีมือร้ายกาจที่สุด เคยสังหารข้าราชการบาคุฟุนับ 10 ราย ปรากฏตัวครั้งแรก เล่ม 4 โดยตอนนี้เขากำลังวางแผนยึดครองญี่ปุ่น และดูท่าจะเป็นผู้เป็นคนมากที่สุดในเรื่องนี้แล้วล่ะ
(พากย์ไทยโดย ภคภูมิ ลิ้มมานะสถาพร , ธวัช รัตตะชัย (Movies - Rose))

มัตซึไดระ คาตาคุริโกะ ผู้บัญชาการตำรวจ ฉายาเทพวิบัติ ที่หึงหวง คุริโกะ ลูกสาวตัวเองสุดฤทธิ์ เอะอะอะไรก็ยิงโดยไม่ยอมฟังใคร ลูกน้อง(พวกชินเซ็นฯ)มักเรียกเขาว่า ป๋า
(พากย์ไทยโดย มนูญ เรืองเชื้อเหมือน)

องค์ชายฮาตะ หนึ่งในชาวสวรรค์ เป็นองค์ชายเพี้ยนที่รักสิ่งมีชีวิตสุดแปลกแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ หน้าตาก็คล้ายกับ จอมมารบูในดราก้อนบอล พูดสำเนียงออกอีสานหน่อย
(พากย์ไทยโดย ไกวัล วัฒนไกร)

อาเนะ กับ โมเนะ สองพี่น้องมิโกะ ผู้เคยช่วยเรียกสติซาดะฮารุที่กำลังออกอาละวาดทั่วเมืองให้กลับเป็นปกติ โดยอาเนะ คนพี่ปัจจุบันก็ทำงานในสถานบันเทิง เป็นคู่แข่งโอทาเอะ นิสัยชอบโวยวาย โป๊ะแป้งหนาเตอะ ส่วนโมเนะ คนน้องก็เป็นคนเงียบๆออกต๊องหน่อยๆ

โอคาตะ นิโซ นักดาบตาบอด ฉายา จอมสับ มีฝีมือดาบที่น่าสะพรึงกลัว เคยประมือกับกินโทกิมาแล้วหนหนึ่ง ปัจจุบันเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายหมายยึดครองญี่ปุ่นของทากาสุงิ

ยางิว คิวเบ คุณหนูแห่งตระกูลยางิว ตระกูลนักดาบสุดแกร่ง ผู้ซึ่งถูกเลี้ยงดูแบบเด็กผู้ชายมาตลอด เป็นเพื่อนสนิทกับโอทาเอะตั้งแต่สมัยยังเด็ก ชนิดที่ยอมสละตนเองปกป้องเธอได้ เธอจึงฝึกฝนวิชาดาบของตนเองให้แกร่งพอที่จะปกป้องโอทาเอะ เพื่อนรักได้ และในเล่ม 13 คิวเบเป็นคนพาโอทาเอะ ไปที่สำนักยางิว หมายมั่นให้โอทาเอะกลายเป็นคู่ชีวิตของเธอ โดยเธอนั้น สูญเสียตาข้างซ้ายขณะเข้าไปช่วยโอทาเอะจากแก๊งทวงหนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เธอต้องสวมที่คาดตาอยู่ตลอด

โทโจ อายูมุ หนึ่งในเหล่าผู้พิทักษ์ตระกูลยางิว เป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใยคิวเบเป็นอันมาก และตามดูแลไม่ให้ขาดเกิน

ฮิรางิ เก็นไง ตาลุงยอดนักวิศวกรรมเครื่องกลมือหนึ่งของเอโดะ แต่จากการที่เคยก่อเรื่องวุ่นวาย พยายามจะสังหารท่านโชกุนในเล่ม 4 นั้น ทำให้เขาถูกขึ้นป้ายประกาศจับ
(พากย์ไทยโดย ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ)

ทามะ เมดสาวหุ่นยนต์คนขยัน ประจำร้านสแน็คของคุณโอโทเซะ ที่เก็นไงเอามาปรับปรุงใหม่ หลังจากเสียหายยับเยินในเล่ม 17

คามุอิ พี่ชายของคางุระ มีนิสัยโหดเหี้ยม รักการฆ่าแกง ต่อสู้ ชนิดไม่สนใครหน้าไหน แม้กระทั่งคนในครอบครัวตัวเอง เขาเป็นหัวหน้ากองพลที่ 7 แห่ง ฮารุซาเมะ ซึ่งคางุระรังเกียจคามุอิสุดๆ

ซึคุโยะ มือสังหารสาว ผู้นำของกลุ่มเฮียกกะ (กลุ่มพิทักษ์ตนที่คอยพิพากษาคนที่ละเมิดกฎของโยชิวาระ) ใช้กริดเป็นอาวุธ และบาดแผลบนใบหน้าของเธอนั้น มาจากการที่เธอทำลายโฉมหน้าตนเอง เพื่อคอยรับใช้คุ้มครองฮิโนวะ (โอยรัน หรือ นางรำที่ยอดที่สุดในโยชิวาระ) อย่างสุดกำลัง

โฮเซ็น บุรุษผู้คอยค้ำจุนโยชิวาระ ดินแดนแห่งหญิงนางโลม ณ ใต้ดินที่แสงตะวันส่องไม่ถึง มีฉายา "ราชันย์รัตติกาล" แท้จริงแล้วเขาเป็นชาวเผ่ายาโตะ เหมือนกับ คางุระ ซึ่งในอดีตเคยต่อสู้กับอุมิโบซึ พ่อของคางุระ มาแล้ว

อุมิโบซึ พ่อของคางุระ เป็นนักล่าเอเลี่ยนสุดแกร่งที่ออกเดินทางไปทั่วจักรวาล มีนิสัยห่วงลูกสาว ปัจจุบัน กำลังกลุ้มกับทรงผมอันน้อยนิดของตนเอง

จิไรอะ มือสังหารสุดโฉด เป็นอาจารย์ของซึคุโยะ

เคซึโนะ อานะ หรือ เคซึโนะ คริสทีน สาวนักพยากรณ์อากาศคนโปรดของคุณกิน แต่แท้จริงแล้ว เธอคือทายาทขององเมียวจิ ตระกูลเคซึโนะ

ไซโก ฉายา มาดมัวแซล 1 ใน 4 ราชันย์สวรรค์แ่ห่งคาบุกิโจ เป็นชายสุดแกร่ง ที่เป็นทั้งนักรบ และ คุณแม่ในร่างเดียวกัน ปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการบาร์กระเทย ณ คาบุกิโจ

คาดะ ฉายา เจ้าหญิงมยุรี 1 ใน 4 ราชันย์สวรรค์แ่ห่งคาบุกิโจ เป็นชาวสวรรค์มีธุรกิจบ่อนพนันหลายแห่งในคาบุกิโจ แท้จริงแล้ว เธอคือหัวหน้าหน่วยที่ 4 แห่งกลุ่มโจรสลัดอวกาศฮารุซาเมะ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดในศึกสงครามความขัดแย้งระหว่างสี่ราชันย์สวรรค์ เพื่อหวังที่จะครอบครองคาบุกิโจแต่เพียงผู้เดียว

จิโรโจ 1 ใน 4 จักรพรรดิแ่ห่งคาบุกิโจ มีความโหดที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเขากำลังวางแผนกำจัดโอโทเซะ อยู่ แถมยังส่ง จิน พิราโกะ ลูกสาวของตนไปป่วนพวกคุณกินอีกด้วย แท้จริงแล้วสิ่งที่จิโรโจทำไปนั้น เป็นการปกป้องคาบุกิโจให้รอดพ้นจากชาวสวรรค์ทั้งสิ้น ในอดีตเขาเคยหลงรักโอโทเซะเช่นกัน





ความหมายที่แท้จริงของ กินทามะ และ เกร็ดอื่นๆ

-กินทามะนั้น ความหมายที่แท้จริงนั้น แปลว่า จิตวิญญาณสีเงิน (Gin = เงิน Tama=วิญญาณ) ซึ่งชื่อเรื่องก็ดันไปคล้องกับคำว่า คินทามะ ที่หมายถึง ลูกป๋องแป๋งของท่านชาย นั่นเอง

-ชื่อ ซากาตะ กินโทกิ ของคุณกินนั้น ก็เอามาจาก ซากาตะ โนะ คินโทกิ ซึ่งเป็นชื่อจริงของหนึ่งในทหารเอกของ ไรโก หรือ มินาโมโตะ โนะ โยริมิตซึ ขุนนางแห่งตระกูลฟูจิวาระ และ ผู้ครองแคว้นอิสุ แถมชื่อก็ไปเหมือนกับ ชื่อจริงของตัวละครตัวหนึ่งในนิทานพื้นบ้านเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น อย่าง คินทาโร่

-สมาชิกของหน่วยชินเซ็นงุมินั้น โดยเฉพาะ คอนโด้,ฮิจิคาตะ,โอคิตะ นั้น ดัดแปลงจากชื่อสมาชิกชินเซ็นงุมิที่มีตัวตนจริงๆทั้งนั้น โดยมาจาก คอนโด้ อิซามิ,ฮิจิคาตะ โทชิโซ,โอคิตะ โซจิ

-ชื่อของ ชิมูระ ชินปาจิ มาจาก ชิมูระ เคน นักแสดงตลกรุ่นเก๋าของญี่ปุ่น และ นางาคุระ ชินปาจิ หนึ่งในสมาชิกชินเซ็นงุมิที่มีตัวตนจริงๆ

-ชื่อ"ซึระ" ของ คาซึระ มีความหมายในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า วิก แถมชื่อของคาซึระ ก็อ้างอิงมาจาก คาซึระ โคโกโร่ ซามูไรและนักการเมือง มีชิวิตอยู่ในช่วงยุคสมัยโทกุกาว่าจนถึงช่วงปฏิวัติเมจิ

-ชื่อของ ซัทจัง กับ เซ็นโซ ต่างก็เอามาจากชื่อนินจา อย่าง ซารุโทบิ ซาสึเกะ กับ ฮัตโตริ ฮันโซ ตามลำดับ

-ชื่อของ ซากาโมโต้ ทัตซึม่า มาจาก ซากาโมโต้ เรียวม่า นักปฏิวัติคนสำคัญในช่วงปลายยุคสมัยรัฐบาลบาคุฟุ จนนำไปสู่การปฏิวัติเมจิ

-ชื่อของ ทากาสุงิ ชินสุเกะ มาจาก ทากาสุงิ ชินซากุ ผู้ก่อตั้งกองกำลังKiheitai(กองทัพอสุรา) ต่อต้านรัฐบาลบาคุฟุ

-ชื่อของ มัตซึไดระ คาตาคุริโกะ แผลงมาจากชื่อของ มัตซึไดระ คาตาโมริ ไดเมียวแห่งไอสุ

-ชื่อของ ยางิว คิวเบ มาจากชื่อ ยางิว จูเบ มิตซึโยชิ นักดาบคนดังของญี่ปุ่น อีกทั้งชื่อของเหล่าผู้พิทักษ์ตระกูลยางิว ทั้ง โทโจ อายูมุ,มินามิโตะ ซุย,นิชิโนะ สึคามุ และ คิตาโอจิ อิตซึกิ ก็เอามาจากชื่อตัวละครในเรื่อง อิจิโกะ 100% เช่นกัน (โทโจ อายะ,มินามิโตะ ยุย,นิชิโนะ สึคาสะ,คิตาโอจิ ซัตซึกิ)

-ชื่อของ ไซโก หนึ่งในสี่ราชันย์สวรรค์ มาจาก ไซโก ทาคาโมริ ซามูไรที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในรัฐบาลญี่ปุ่นยุคเมจิ ได้รับสมญานาม The Last Samurai

-บาคุฟุ คือ ระบอบการปกครองรวมอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง โดยเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของโชกุน ซึ่งเริ่มใช้โดย โชกุน โตกุกาว่า เออิยะสุ

-สำหรับเรื่องราวในกินทามะนั้น ก็ดัดแปลงจากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นจริงบางส่วน ซึ่งว่าด้วย ยุคที่ญี่ปุ่นถูกกองทัพสหรัฐซึ่งนำโดย พลเรือจัตวาแมทธิว ซี เพอร์รี ได้นำเรือมาล้อมอ่าวโตเกียว เพื่อบีบให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ และมีการทำสนธิสัญญาคานางาว่าขึ้น ในปี 1853 หลังจากการทำสนธิสัญญาคานางาว่านั้น ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำสนธิสัญญากับชาติตะวันตกอื่นๆตามมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เหล่าซามูไรเป็นจำนวนมาก จึงตั้งตนเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลบาคุฟุ รัฐบาลบาคุฟุก็รับมือด้วยการตั้งกองกำลังเป็นของตนเอง ซึ่งก็คือ กลุ่ม ชินเซ็นงุมิ นั่นเอง





Feedbackความนิยมทั้งญี่ปุ่นและเมืองไทย
สำหรับความนิยมของกินทามะในญี่ปุ่นนั้น ก็จัดว่าดีเลยทีเดียว นับตั้งแต่ลงในโชเน็นจัมป์ตั้งแต่ปี 2003 นั้น เรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นนำไปทำเป็นการ์ตูนอนิเม ผลิตโดย Sunrise ออกฉายปี 2006 แถมผลการโหวต Anime Grand Prix ครั้งล่าสุด เรื่องนี้ก็อยู่สูงถึงอันดับ 5 ส่วนตัวละครหลักของเรื่องอย่าง กินโทกิ,โซโกะ และ คางุระ ก็ติด 1 ใน 10 อันดับตัวละครยอดนิยมทั้งฝ่ายชายและหญิง ซึ่งรวมไปถึงยอดขายของกินทามะเฉพาะเล่มหนึ่งนั้น ก็ขายได้ถึง 1 ล้านเล่มแล้ว

และด้วยความนิยมที่มีต่อกินทามะ ก็ทำให้บ้านเรา สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิคส์ตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ลงในรายสัปดาห์ C-Kids ก่อนจะออกรวมเล่มเล่มหนึ่งในปี พ.ศ. 2548 แต่ทว่ากระแสตอบรับของกินทามะที่มีต่อนักอ่านบ้านเราในตอนนั้น ค่อนข้างไม่ดีเอาซะเลย จึงเกิดกระแสต่อต้านการ์ตูนเรื่องนี้จากผู้อ่านบางกลุ่มในแง่ที่ว่า การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไรกันแน่ อ่านไม่รู้เรื่อง บางส่วนก็บอกว่า นอกจากลายเส้นจะไม่สวยแล้ว แถมมุขก็ฝืดสุดๆ แต่ก็ด้วยพัฒนาการของผู้แต่งรวมถึงพัฒนาการของผู้แปลการ์ตูนเรื่องนี้ในฉบับภาษาไทย ก็ทำให้ฟีดแบคของกินทามะในบ้านเรานั้นเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนพอที่จะกลบกระแสด้านลบไปได้บ้าง

ส่วนหนึ่งที่กินทามะนิยมมากในญี่ปุ่นนั้น หลักๆก็มาจากมุขตลกวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการนำประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น บุคคลที่มีตัวตนจริง มาเสียดสีล้อเลียน นอกจากนี้ ก็ยังเอามุขจากละครทีวี หรือ การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆมาล้อเลียนบ้าง ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักคุ้นเคยกันดี จึงไม่แปลกใจเลยที่นักอ่านหลายคนในบ้านเรานั้นไม่เก็ตมุขกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากคนไทยเรา แต่ถ้าหากใครที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาบ้าง , อ่านการ์ตูนมาหลายเรื่องหน่อย,หรือ คุ้นเคยกับเหล่าตัวละครหน้าตาย ที่ทำเรื่องเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นได้ในเรื่องนั้น ก็คงจะฮาแบบสุดๆ อีกทั้งยังรวมไปถึงชื่อของตอนแต่ตอนที่ตั้งออกมาได้ยาว คม กวน จนอ่านแล้วรู้สึกฮา แถมพลางคิดในใจว่า ชื่อตอนนั้นมันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในตอนนั้นๆตรงไหน? แต่พออ่านๆไปก็จะพบว่า จริงๆมันก็เกี่ยวบ้างไม่มากก็น้อยนะแหละ(ลองไปสังเกตกันดีๆนะครับ) แต่อย่างน้อย มุขตลกและเนื้อเรื่องอันน่าเบื่อจากเล่มแรกนั้นก็มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จนได้แฟนๆการ์ตูนเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกพอควร ซึ่งรวมไปถึงการแปลฉบับภาษาไทยที่ขยันหยอดใส่มุข พลิกแพลง มากขึ้น (แว่วๆมาว่า คนแปลถึงกับศึกษาจากหนังพากย์ไทยโดยพันธมิตรกันเลย) จนได้อรรถรสมากขึ้น จึงพอจะมองข้ามช็อตงงๆไปได้บ้าง

และอีกส่วนหนึ่งที่มีคนชื่นชอบ ก็มาจากคาแร็กเตอร์ของตัวละครในเรื่อง ที่"รั่ว"กันแทบทุกตัว ไม่ว่าเป็นคนเท่ห์ หล่อ สวย ขนาดไหน ก็ยังอุตส่าห์ติ๊งต๊องไปกับเขาด้วย และที่สำคัญ ตัวละครชายในเรื่องก็เท่ห์หลายคน ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่สาวๆจะชอบอ่านเรื่องนี้มากกว่าผู้ชาย แถมบางคนก็เอาตัวละครหลักๆ อย่างเช่น กินโทกิ ฮิจิคาตะ มาแอบจิ้นY กันก็มี.......

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเรื่อง ไม่ได้มีแค่ฉากตลกเท่านั้น ยังมีฉากแอ็คชั่นการต่อสู้และฉากซึ้งอีกด้วย โดยจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งที่เราไม่อาจมองข้ามได้ นั่นก็คือ คำคม ครับ ถ้าสังเกตุกันดีๆก็จะพบว่า เรื่องนี้ได้แฝงปรัชญาการดำเนินชีวิตของมนุษย์เอาไว้พอสมควร ดังเช่น

"การที่ลูกปกป้องสิ่งสำคัญที่สุดของพ่อเอาไว้ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ "

ซึ่งกล่าวโดย โอทาเอะ ในแง่ของการปกป้องโรงฝึกดาบร้างของครอบครัว หากจะตีความหมายกันจริง ก็จะหมายถึง การที่เราต้องปกป้องสิ่งของที่สำคัญของคนที่เรารัก แม้ว่าสิ่งของสิ่งนั้นอาจดูไร้ค่าก็ตามที ซึ่งใครที่ตามอ่านมาตลอดนั้นก็จะพบว่า เรื่องนี้จะเน้นการปกป้องสิ่งสำคัญของเรามากเป็นพิเศษ หรือจะเป็น คำคมจากบทเรียนที่หก ที่เป็นการย้อนอดีตตอนที่ กินโทกิ กับ คาซึระ กำลังรบกับชาวสวรรค์ ในสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเสียเปรียบ คาซึระ ที่กำลังถอดใจ แต่กินโทกิกลับดาหน้าต่อสู้กับชาวสวรรค์ต่อไป แถมเขายังพูดประโยคที่กินใจอีก นั่นก็คือ
"ถ้ามีเวลาขนาดมาพร่ำพรรณนาเรื่องวาระสุดท้ายที่งดงามแล้วละก็ สู้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสวยงามจนสิ้นอายุขัยไม่ดีกว่าเรอะ" เป็นต้น

เรียกได้ว่าบางคนอ่านแล้วถึงกับโดนกับคำคมจากเรื่องนี้ไปเลยก็มี.....

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แอร์โฮสเตส และสจ๊วต

ลักษณะทั่วไปของอาชีพ

คำว่า ( AIR ) HOSTESS นั้น ความหมายตามพจนานุกรม คือ เจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิง ส่วน ( AIR ) STEWARD นั้น หมายถึง ผู้พิทักษ์

แอร์โฮสเตส และสจ๊วต จึงหมายถึงผู้พิทักษ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารบนอากาศยาน โดยมีหน้าที่ต่างๆ เช่น คอยดูแลช่วยเหลือผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉิน รับผิดชอบครวจเช็คอุปกรณ์ประจำเครื่องตามจุดต่างๆ เช่น ถังออกซิเจน เครื่องดับเพลิง ไฟฉาย หน้ากากออกซิเจน และเสื้อชูชีพ สำหรับสาธิตให้ผู้โดยสาร ฯลฯ ให้ครบถ้วนถูกต้องตามรายการ และอยู่ในสภาพใช้การได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการให้บริการด้านต่างๆ แก่ผู้โดยสาร เช่น การเตรียมอาหาร การเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม การให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสารที่เกิดเจ็บป่วย การจัดหาที่นั่งให้กับผู้โดยสาร ตรวจดูให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดก่อนเครื่องบินขึ้นหรือลง แจกหนังสือพิมพ์ นิตยสารให้ผู้โดยสารอ่าน และดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อยในห้องผู้โดยสารและห้องน้ำ รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ

แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต เป็นอาชีพที่ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ฉะนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพทางด้านนี้ ยังควรมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น

1. มีกิริยามารยาท สุภาพอ่อนโยน อบอุ่น และมีท่วงท่าที่นุ่มนวล
2. มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความเป็นมิตรกับผู้อื่น และสามารถปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นและสังคมได้ง่าย
3. มีความอดทนต่อความยากลำบากของงาน อดทนต่อปฏิกิริยาของผู้โดยสาร และมีความอดทนต่อเพื่อนร่วมงานต่างๆ
4. แต่งตัวดี สะอาด และเรียบร้อย
5. มีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
6. มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ
7. มีใจรักงานทางด้านบริการ มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีความห่วงใยเอาใจใส่อย่างจริงใจที่จะมอบให้แก่ผู้โดยสาร
8. มีความรู้ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่นๆดี
9. สามารถว่ายน้ำได้
10. เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

การทำงาน

การทำงานของแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้น เป็นเวลาที่ไม่แน่นอนไม่เลือกกลางวันหรือกลางคืน ขึ้นอยู่กับเที่ยวบินหรือสายการบินที่จะเดินทาง ว่าจะออกกี่โมงและในการเดินทางแต่ละครั้งทั้งสจ๊วต และแอร์โฮสเตสจะต้องกำหนดเวลาในการเดินทางไปสนามบินเผื่อไว้ทุกครั้ง โดยจะต้องเดินทางไปถึงสนามบินก่อนเครื่องบินออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมตัวและไม่ตกเครื่องบิน แอร์โฮสเตสและสจ๊วตจึงต้องเป็นผู้มีความรับผิดชอบอยู่สูง

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ

ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความรับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ ย่อมมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งไปสู่ตำแหน่งงานที่สูงกว่าและดีกว่า ตั้งแต่เริ่มแรก คือ เมื่อสจ๊วตและแอร์โฮสเตสได้รับการฝึกอบรมครบ 8 สัปดาห์แล้ว ก็จะเริ่มปฏิบัติงานจริง โดยในช่วงเดือนแรกจะเป็นช่วงของการทดลองงาน (บินภายในเอเชีย) จะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน จากซุปเปอร์ไวเซอร์ หรือ หัวหน้างาน ซึ่งจะประเมินผลในทุกๆด้าน เช่น การให้การบริการ การตรงต่อเวลา การร่วมมือประสานงานกัน การแสดงออก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อารมณ์ และทัศนคติ เป็นต้น เมื่อพ้นช่วงทดลองงาน 6 เดือนแล้ว จึงจะได้บินไป ตะวันออกกลางและพอผ่านการทดลองงาน 1 ปี จึงจะได้บินข้ามทวีป แต่ก็ยังคงทำงานในชั้นประหยัด ( Economy Class ) เหมือนเดิม จนกระทั่ง 1 ปี 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์สมัครชั้นธุรกิจ ( Royal Executive Class )ได้ การคัดเลือกครั้งนี้จะพิจารณาจากประวัติการทำงาน พอพ้นจากชั้นธุรกิจจึงจะมีสิทธิ์สมัครทำงาน ในชั้นหนึ่ง ( Royal First Class ) ทุกครั้งที่เลื่อนชั้นการทำงานก็จะได้รับการอบรมเพิ่มเติมทั้งในด้านอาหาร เครื่องดื่ม การบริการ และการดูแลรักษาความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินเสมอ

นอกจากความก้าวหน้าในการเลื่อนตำแหน่งของชั้นบริการแล้ว แอร์โฮสเตสและสจ๊วต ยังมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอื่นๆอีก เช่น เลื่อนเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นครูฝึก เป็นต้น

ความต้องการแรงงาน

การประกอบอาชีพแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้นเป็นอาชีพที่ต้องการความคล่องแคล่ว ว่องไว ผู้ประกอบอาชีพในตำแหน่งนี้ จึงมักเป็นผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ แต่พอมีอายุมากขึ้นก็ต้องย้ายไปทำงานในส่วนอื่น ที่มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป จึงทำให้การปลดเกษียณอายุของการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสั้นกว่าการทำตำแหน่งอื่น ( ผู้ที่ปลดเกษียณการเป็นพนักงานต้อนรับ มักจะสามารถทำงานในภาคพื้นดินได้ ) ทำให้ความต้องการของอาชีพนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับการขยายตัวของสายการบินต่างๆ ตลอดจนความเจริญก้าวหน้าทางธุรกิจ ที่เป็นต้นเหตุให้คนในประเทศต่างๆต้องมีการติดต่อกันเพื่อผลทางธุรกิจ จึงทำให้มีผู้คนที่ต้องเดินทางเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ที่มาติดต่อธุรกิจหรือผู้ที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงเป็นอาชีพที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่ตราบเท่าที่มีการขยายตัวของสายการบินต่างๆทั่วโลก

ช่างเสริมสวย

ช่างเสริมสวย

ชื่ออาชีพ ช่างเสริมสวย Beautician
รหัสอาชีพ 5-70.40 ( TSCO) 5141 (ISCO)
นิยามอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพนี้ ทำหน้าที่เสริมแต่งความงามให้กับผู้มาใช้บริการ ตรวจดูผิวพรรณของลูกค้า และให้คำแนะนำการเสริมสวยที่เหมาะสมกับลูกค้าให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแต่งหน้า อาจตัด สระ แต่งรูปผมตามความต้องการของลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการ และอาจเรียกชื่อตามลักษณะงานที่เชี่ยวชาญ
ลักษณะของงานที่ทำ ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ จะปฏิบัติหน้าที่ เสริมสวยครบวงจรตั้งแต่ การแต่งหน้า การแต่งผม การดูแลผิวพรรณ การนวด การทำเล็บ เพื่อส่งเสริมบุคลิกลักษณะของลูกค้าให้ดีขึ้น ดังต่อไปนี้

การดูแลผิวพรรณ โดยใช้น้ำยา ครีม หรือโคลนพิเศษ ทาและนวดเพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น ชะลอรอยย่น ขจัดริ้วรอย ด่างดำ บริเวณ หน้า คอ แขน ขา ตลอดจนร่างกาย ด้วยการนวดน้ำมัน อบไอน้ำ

การแต่งหน้า จัดแต่งรูปคิ้ว บนใบหน้า เสริมความงาม ใช้เครื่องสำอางตกแต่ง ให้เข้ากับลักษณะงานที่ลูกค้าต้องไปปรากฏตัว

การแต่งผม ดูแลตั้งแต่ให้คำแนะนำรูปทรงของผมที่เหมาะรับกับใบหน้า ตัด หวี ดัด ย้อมสีผม ระบายสีผม สระ นวดหนังศรีษะ อบไอน้ำ หรือหมัก และการเป่าผมให้แห้ง จากนั้นแต่งให้เข้ารูปทรงตามที่ลูกค้าต้องการ

การแต่งเล็บ ให้การบริการตัดแต่งทำเล็บมือ เล็บเท้าให้สะอาด อาจทาสีตามสมัยนิยม และเคลือบเล็บ ให้แข็งแรง

นอกจากนี้ยังต้องเตรียมจัดซื้อหา อุปกรณ์ เสริมความงามทุกชนิด ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน

สภาพการจ้างงาน สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นช่างเสริมสวยฝึกหัด หรือผู้ช่วยในร้านเสริมสวย อาจได้รับอัตราค่าตอบแทน เป็นเงินเดือน ประมาณเดือนละ 5,000 - 6,000 บาท
สำหรับช่างเสริมสวยที่มีความสามารถ และฝีมือดีเป็นที่พอใจของลูกค้า จะได้รับอัตราค่าตอบแทน เป็นรายหัว โดยแบ่งรายได้กับ เจ้าของกิจการ คือประมาณ 40 : 60 หรือแล้วแต่เงื่อนไขการตกลงว่าจ้างกับ ผู้ว่าจ้าง นอกจากนี้ช่างที่มีฝีมือเป็นที่พอใจของลูกค้าอาจได้รับเงินพิเศษ จากลูกค้า ตั้งแต่ 20 - 100 บาท จนถึงครึ่งหนึ่งของค่าเสริมสวย หรือบางครั้งอาจมากกว่าค่าเสริมสวยซึ่งขึ้นอยู่แต่ละประเภทของกลุ่มลูกค้า
ช่างเสริมสวย อาจต้องมาทำงานตั้งแต่เช้า เพื่อบริการแก่ลูกค้า และทำงานจนถึงเย็นและค่ำ จนกว่าจะปิดบริการ ซึ่งอาจมีชั่วโมงทำงานวันละ 9 -10 ชั่วโมง อาจต้องทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด

สภาพการทำงาน ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้อาจทำงานในสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ การบริการงานให้ลูกค้าส่วนมากใช้เวลา 90% ยืนปฏิบัติงาน แต่ปัจจุบันการเสริมสวย บางอย่างผู้ให้บริการ สามารถนั่งปฏิบัติงานได้ การเปิดบริการส่วนมากจะไม่มีการปิดพักเที่ยง ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานอาจต้อง ผลัดเปลี่ยนกันไปรับประทานอาหารกลางวัน

อุปกรณ์ที่ใช้ที่ปฏิบัติงาน มีทั้งน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยาย้อมผม สเปรย์ฉีดผมที่มีส่วนประกอบของสารเคมี อาจมีฝุ่นละอองจากเส้นผม ช่างเสริมสวยอาจต้องใช้ผ้าปิดจมูกขณะปฏิบัติงาน

ในกรณี ที่ผู้ประกอบอาชีพอิสระโดยใช้ที่พักอาศัยเป็นสถานที่ประกอบกิจการ อาจเปิดชั่วโมงบริการตามปริมาณ และความพอใจของผู้ให้บริการ และผู้มาใช้บริการ ซึ่งเฉลี่ยการทำงานของช่างเสริมสวย 1 คนอาจบริการให้ลูกค้าได้ 10 - 12 คน ซึ่งแล้วแต่การเข้ามาใช้บริการการเสริมสวยแบบใด ใช้เวลาในการเสริมสวยเท่าใด

ช่างเสริมสวยอาจถูกว่าจ้างให้ไปทำงานนอกสถานที่ เช่นเสริมสวยให้เจ้าสาว หรือสถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์ เป็นต้น

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้ ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา แต่ต้องมีฝีมือ และมีใจรักอาชีพบริการเสริม ความงามให้กับลูกค้า และควรมี คุณสมบัติขั้นต้นและการเตรียมตัวดังต่อไปนี้

1. เข้าอบรมหลักสูตรเสริมสวยระยะสั้นจากโรงเรียนเสริมสวยที่มีชื่อเสียง 6 เดือน

2. ควรเข้ารับการฝึกหาประสบการณ์ โดยการเป็นพนักงานหรือลูกจ้างในร้านเสริมสวยประมาณ 6 เดือน -1 ปี

3. เป็นคนอ่อนน้อม มีมารยาท รู้จักกาลเทศะ และรู้จักเอาใจผู้ใช้บริการ

4. เป็นคนขยัน มีความอดทน และมีความภูมิใจในอาชีพ

ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้คือ : สามารถเข้ารับการอบรมจากสถาบันเสริมสวยที่มีชื่อเสียง ซึ่งนักเรียนไม่จำกัดวุฒิการศึกษา ค่าเรียนหลักสูตรเสริมสวย ระยะเวลา 6 เดือน ประมาณ 12,000 บาท

ซึ่งจะสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น ม้วนผม ตัดผม ตกแต่งทรงผม รักษาเส้นผม นวดหน้า เมื่อสำเร็จแล้วจะได้รับประกาศนียบัตร และสามารถนำมาประกอบอาชีพในอาชีพ ช่างเสริมสวยได้ เช่น ช่างแต่งผม ช่างตัดผม และช่างแต่งหน้าได้


โอกาสในการมีงานทำ ตลาดแรงงานสำหรับผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ ยังเปิดกว้าง ร้านเสริมสวยแบ่งออกเป็นหลายประเภท และหลายระดับ เพื่อบริการกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มตามสภาพเศรษฐกิจ

เช่น กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้บริหารระดับสูง และกลุ่มแม่บ้าน นอกจากนี้ วัยรุ่นทั้งหญิงชายหันมาให้ความสนใจ ในเรื่องการตกแต่งแบบผมกันเป็นจำนวนมากขึ้น และเข้ารับการดัดแปลงกันเป็นประจำเพื่อให้ก้าวทันตามแฟชั่นจากต่างประเทศ

ทัศนคติของผู้ใช้บริการด้านเสริมสวยในปัจจุบันค่อนข้างเปลี่ยนไปคือเข้ารับการบริการเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และนอกจากใช้บริการตกแต่งความสวยงามของทรงผม ยังมารับบริการเสริมความงามต่างๆ ที่สถานเสริมสวยบริการไว้ครบวงจร เช่น นวดหน้า ขัดผิวพรรณด้วยสมุนไพร ด้วยกลิ่นหอม อาบน้ำนม อบไอน้ำ นวดตัว แต่งหน้า ให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ผู้รับปริญญา

นอกจากนี้ ช่างผมสตรีสามารถตัดผม ให้สุภาพบุรุษได้ด้วย ในวัยรุ่นชายก็เข้ารับการตัดผมดูแลผมจากร้านเสริมสวยที่วัยรุ่นหญิงใช้บริการเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน ช่างผมบุรุษได้ทำงานเป็นช่างตัดแต่งผมให้แก่ผู้ใช้บริการที่เป็นสตรีกันมากขึ้น และอยู่ในความนิยม ดังนั้น บุรุษก็สามารถทำงานเป็นช่างตัดแต่งผมสตรีได้

ปัจจุบันร้านเสริมสวยครบวงจรได้ขยายการเปิดในทำเลธุรกิจ เช่น ในอาคารสำนักงานให้เช่า และที่อยู่อาศัยคอนโดมีเนียม บริเวณโรงแรม บริเวณซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ที่ทำธุรกิจหรือพนักงานขององค์กรเหล่านั้น ทำให้ความต้องการทางด้านปริมาณของช่างเสริมสวย ขยายตัวมากขึ้น

โดยทั่วไปจำนวนช่างเสริมสวยที่ต้องการในร้านเสริมสวยขนาดกลาง อาจต้องการประมาณ 5 คน ขึ้นไป ส่วนในร้านขนาดใหญ่ อาจต้องการช่างมากกว่า 10 คนขึ้นไป และร้านเสริมสวยต่างต้องหา ช่างเสริมสวยมาหมุนเวียนทดแทน ผู้ออกไปทำงานให้แก่ร้านเสริมสวยแห่งอื่นหรือไปเปิดกิจการของตนเองตลอดเวลา แต่บางรายก็อาจหมุนเวียนกลับมาอีก

เนื่องจากอาชีพช่างเสริมสวยเป็นอาชีพที่หางานทำได้ไม่ ยากนัก และถ้าหากมีฝีมือเป็นที่นิยมของลูกค้า ก็จะถูกชักชวนจากเจ้าของกิจการและได้รับค่าจ้างสูง แต่ช่างเสริมสวยต้องหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมและติดตามความเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถบริการได้ถูกใจลูกค้า


นอกจากนี้ในโรงเรียนหรือสถาบันสอนเสริมสวยที่มีชื่อเสียง นักเรียนเสริมสวยที่เรียนสำเร็จแล้ว จะได้รับการจองตัวจากร้านเสริมสวย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปเป็นพนักงานหรือช่างประจำร้าน

ในกรณีที่ต้องการเปิดกิจการเสริมสวยด้วยตนเอง อาจใช้บ้านเป็นร้านเสริมสวย ซึ่งใช้งบประมาณ ตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป ถ้าร้านเสริมสวยขนาดเล็กถึงกลางที่มีช่างเสริมสวยหลายคนอาจใช้งบประมาณในการ จัดร้านประมาณ 1 - 2 แสนบาท และสามารถได้เงินคุ้มทุนเร็วซึ่งขึ้นอยู่กับความขยัน การบริการ และฝีมือของช่างเสริมสวย

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพนี้ถ้ามีฝีมือ และพัฒนาฝีมือของตนเองตลอดเวลา อาจพัฒนาตนเองเป็น ช่างเสริมสวยประจำสตูดิโอ กองถ่ายภาพยนตร์ หรืองานแสดงแบบเสื้อ ซึ่งจะมีค่าตอบแทนค่อนข้างสูง

ช่างเสริมสวยผู้มีความสามารถ ขยัน อุปนิสัยดี จะเป็นเจ้าของกิจการของตนเองได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยการเลือกหาทำเลในการเปิดร้านที่เหมาะสม หรืออาจเปิดร้านในหมู่บ้านและปฏิบัติงานเพียงคนเดียวก็ได้หรือเปิดโรงเรียนเสริมสวยของตนเอง ซึ่งมีช่างเสริมสวยที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ เป็นจำนวนมาก

ช่างเสริมสวยไม่ควรหยุดนิ่ง ควรหาเทคนิคใหม่เกี่ยวกับการเสริมสวยที่ทันสมัย มาบริการลูกค้า อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจูงใจลูกค้าให้มาใช้บริการเป็นการประจำ

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนมากผู้ประกอบอาชีพนี้มักจะไม่เปลี่ยนอาชีพ แต่อาจทำธุรกิจเสริมที่เกี่ยวเนื่องกับความงาม คือเป็นตัวแทนขายเครื่องสำอางหรือเครื่องประทินผิวพรรณ ตลอดจนเครื่องประดับตกแต่งผม หรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆ
แหล่งข้อมูลอื่น ๆ โรงเรียนและสถาบันเสริมสวยที่มีชื่อเสียงและกระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยาฐานะ ร้านเสริมสวยต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น โรงเรียนเสริมสวยเกสรี การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

ประวัติวันสงกรานต์

วันสงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์ ตำนานสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"



สงกรานต์

เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี

พิธีสงกรานต์

เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข

ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริม จนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ

การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม ที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ตำนานนางสงกรานต์

ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย

ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน

ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้

ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกา พระอินทร์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะ ก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหม แห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์ แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้

1. ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ
2. ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)
3. ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)
4. ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)
5. ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)
6. ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)
7. ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)

สำหรับความเชื่อทางล้านนานั้นจะมีว่า

1. วันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี
2. วันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา
3. วันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี
4. วันพุธ ชื่อ นางมันทะ
5. วันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ
6. วันศุกร์ ชื่อ นางริญโท
7. วันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง


สูตรและวิธีการทำ
สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง

สูตรสบู่สมุนไพรขมิ้นชันจากชาววัง สูตรนี้เป็นการนำเอาเหง้าของขมิ้นชันมาผสมผสานเข้าไปในเนื้อของสบู่ที่ทำขึ้น การนำเอาเหง้าขมิ้นชันมาเป็นส่วนผสมสำคัญของสมุนไพรนี้ สืบทอดองค์ความรู้ที่สะสมมาจากบรรพบุรุษไทยเรา การเอาเหง้าขมิ้นชันมาเป็นยาธรรมชาติบำรุงผิวพรรณ ช่วยสร้างความสะอาดหมดจดแก่ผิวหนังของคนเรา สร้างความนุ่มนวลและขจัดความหม่นหมองของผิวกาย ฆ่าเชื้อรา เชื้อโรค ที่มาอยู่กับผิวหนังให้หมดไป สร้างความสดชื่นให้เกิดขึ้น สบายเนื้อสบายตัวอย่างดีมาก สบู่สมุนไพรขมิ้นชันจึงมีคุณภาพที่ดีเยี่ยมอีกอย่างหนึ่ง

ส่วนผสมของสบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง


น้ำสมุนไพรเหง้าขมิ้นชันข้มข้น 450 กรัม
โซเดียมไฮดรอกไซด์บริสุทธิ์ 180 กรัม
น้ำมันมะพร้าว 360 กรัม
น้ำมันมะกอก 630 กรัม
น้ำมันรำข้าว 420 กรัม
วิธีทำสบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง

เริ่มต้นจากการนำเอาน้ำมันมะพร้าวมารวมกับน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว มาผสมรวมกันทั้งหมดในภาชนะ คนให้ละลายรวมเข้าด้วยกันทั้งหมด จึงเอาไปต้มจนกระทั่งอุณหภูมิความร้อน 100 องศาฟาเรนไฮต์ ยกเอาลงมาพักไว้ก่อน

ต่อมาก็เอาโซเดียมไฮดรอกไซต์อย่างระมัดระวังอย่างมาก เพราะเป็นด่างที่เข้มข้นร้อนแรงมาก เอาโซเดียมไฮดรอกไซต์ค่อย ๆ ใส่ลงไปในภาชนะสเตนเลสสตีลที่มีน้ำสมุนไพรขมิ้นชันเข้มข้นทีละเล็กที่ละน้อย คนให้ละลายเข้าด้วยกันทั้งหมด

ลำดับต่อมาเอาโซเดียมไฮดรอกไซต์ที่ผสมกับน้ำสมุนไพรขมิ้นชันเข้มข้นมาค่อย ๆ เทลงไปในน้ำมันที่ผสมรวมกันอยู่ คนให้เข้าด้วยกัน คนให้เข้ากันให้ดีที่สุด เมื่อรวมตัวกันอย่างดีแล้วจะสังเกตุเห็นว่ามีลักษณะที่เหนียวข้นมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือเนื้อสบู่สมุนไพรนั่งเอง

เอามาเทในแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ถ้าทำใช้เองไม่ต้องมีแม่พิมพ์ก็เอามาใส่ลงไปในถาด แล้วเอามาตัดเป็นก้อนเป็นแผ่นทีหลัง

ปล่อยเอาไว้เฉย ๆ ในห้องที่มีอุณหภูมิตามธรรมดาประมาณ 1 วัน 1 คืน หรือประมาณ 24 ชั่วโมง จึงเอาออกมาจากแม่พิมพ์ได้ เอาวางเรียงไว้เฉย ๆ หาอะไรคลุมไว้ด้วยเพื่อไม่ให้กลิ่นหอมของของขมิ้นชันระเหิดออกไปมาก และจะต้องปล่อยทิ้งเอาไว้ประมาณ 45วัน เพื่อให้เนื้อสบู่แข็งตัวคงที่นั่งเอง

นำสบู่ที่ได้มาห่อด้วยกระดาษแก้วหรือพลาสติก หรือใส่กล่องพร้อมใช้
ข้อควรระวังและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ
สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง

การทำสบู่สมุนไพรขมิ้นชัน ควรระมัดระวังในเรื่องของการเอาโซเดียมไฮดรอกไซต์มาผสมกับน้ำ เพราะจะเกิดความร้อนแรงพลุ่งพล่านจนน้ำเดือดขึ้นมา เนื่องจากโซเดียมไฮดรอกไซต์มีฤทธิ์เป็นด่างอย่างแรงมากนั่งเอง ค่อย ๆ ผสมที่ละเล็กที่ละน้อย อย่าทำด้วยความประมาณหรือไม่ระมัดระวังตัวเอง หรือเด็กที่อยู่ใกล้ ๆ สารเคมีตัวนี้ และควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ๆ

ควรสวมถุงมือยางป้องกัน และสวมรองเท้ายางหุ้มมาถึงแข้งป้องกันเอาไว้ ต้องปิดปากและจมูกด้วยหน้ากากป้องกันกลิ่นและไอระเหยที่ออกมาจากสารเคมีอันเป็นด่างอย่างแรงนี้ด้วย ควรสวมแว่นตาเอาไว้ด้วย เพื่อป้องกันการกระเด็นของสารเคมีที่อาจจะเกิดขึ้น

ต้องเอาขวดน้ำส้มสายชู ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดวางไว้ใกล้ ๆ เพื่อใช้การได้ทันทีทันใด ถ้าโซเดียมไฮดรอกไซต์กระเด็นมาสัมผัสผิวกายหรือหกรดราดไปที่เท้า ขา แขน ฯลฯ หากเกิดอันตรายเช่นนี้ขึ้นมา ต้องรีบเอาน้ำส้มสายชูกลั่นนี้ราดลงไปในบริเวณที่ถูกสารเคมีอันมีฤทธิ์เป็นด่างอย่างแรงทันทีเพื่อขจัดอาการร้อนแรงนั้นลง

หลังจากการใช้น้ำส้มสายชูแล้ว หากปวดแสบปวดร้อนมาก ควรรีบไปหาแพทย์ในทันที

วิธีการทำน้ำขมิ้นชันเข้มข้น
นำเหง้าขมิ้นชันมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ได้ปริมาณ 500 กรัม ล้างให้สะอาดแล้วใส่ลงไปในน้ำสะอาด 7 ถ้วยตวง นำไปต้มเคี่ยวจนเหลือน้ำสมุนไพรขมิ้นชันที่เข้มข้นเพียง 2 ถ้วยตวง เราก็จะได้น้ำขมิ้นชันเข้มข้นพร้อมที่จะนำไปผสมการทำสบู่

สรรพคุณของขมิ้นชัน
ขมิ้นชันเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมใช้กันมาช้านานแล้วและนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งในรูปแบบของยา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สีผสมอาหาร สีย้อมผ้าและเตรื่องสำอาง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ของน้ำมันหอมระเหย และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น ฤทธิ์ในการช่วยรักษาอาการอาหารไม่ย่อย ลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบ ฯลฯ ทำให้สมุนไพรนี้ได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและต่างประเทศอย่างมาก

แนะนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ขมิ้นชัน พืชน้ำมันหอมระเหยที่มีศักยภาพของไทย
มหัศจรรย์สมุนไพรกลิ่นหอมธรรมชาติสู่กลิ่นบำบัดในอโรมาเทอราปี

เรียบเรียงสูตรและวิธีการทำ
สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน จากชาววัง
โดยกองบรรณาธิการ
www.YesSpaThailand.com

ประวัติความเป็นมาข้าวหลาม

ประวัติความเป็นมาข้าวหลาม

ข้าวเหนียวขาว เป็นอาหารหลักอีกประการหนึ่งของชาวอีสานซึ่งรับประทานกันเป็น
ประจำเหมือนกับการรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักประจำในภูมิภาคอื่น ๆ ประชาชน
ชาวอีสานนิยมรับประทานข้าวเหนียวกับปลาร้า ปลาเจ่า และผักสด ผักดองเป็น
ประจำจนเป็นอาหารหลัก แต่ยังสามารถนำมาเป็นอาหารว่างได้อีกด้วย เช่น
ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน เป็นต้น

ข้าวเหนียวดำมีผู้นิยมรับประทานกันมากเช่นเดียวกับข้าวเหนียวขาว อย่างเช่น
ข้าวเหนียวดำกับเผือกก็อร่อยไม่ใช่เล่น ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ สามารถ
นำมาเป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งคือ ข้าวหลาม ในตอนนี้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดต้อง
ยกให้ " ข้าวหลามหนองมน " ที่มีการทำกันเป็นจำนวนมากและยังอร่อยอีกด้วย

หนองมน เป็นชื่อเรียกสถานที่หนึ่งในตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจาก
ตัวจังหวัดชลบุรีประมาณ 11-12 กิโลเมตร ตลาดหนองมน หรือตลาดแสนสุข
นับเป็นแหล่งการค้าที่เจริญมากที่สุดในจังหวัดชลบุรี ทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยผู้คนที่
เดินกันเต็มไปทั้งตลาดที่มาจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อของฝากไปให้ญาติพี่น้อง จนพูด
กันว่ามาถึงตลาดหนองมนไม่ซื้อข้าวหลามหนองมนติดมือกลับไปเท่ากับว่ายังมา
ไม่ถึงหนองมน

ข้าวหลาม นับเป็นสินค้าขึ้นชื่อชนิดที่ติดอันดับ 1 มีผู้นิยมรับประทานมาก และ
มีผู้ขายมากที่สุด และรองลงมาก็คืออาหารทะเล สินค้าแปรรูป เช่น เครื่องจักสาน
ส่วนสินค้าทะเลที่มีขาย เช่น ปลาหมึกตากแห้ง กุ้งแห้ง และห่อหมก ข้าวหลาม
หนองมนนั้นมีรสชาติหอม หวาน เค็ม มัน ที่บรรจงกรอกอยู่ในกระบอกไม้ไผ่
ข้ามหลามแต่ละกระบอกต้องพิถีพิถันกันมาก และต้องบรรจงกรอกอย่างปราณีต
เพื่อจะให้ข้าวเหนียว ถั่วดำกลมกลืนอย่างมีรสชาติที่เข้มข้นและการทำข้าวหลาม
ยังมีวิธีที่น่าสนใจอีกมาก

ข้าวหลามหนองมน เป็นที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ มีชื่อเสียงไม่แพ้
ของท้องถิ่นในจังหวัดอื่น ๆ เพราะข้าวหลามหนองมน มีการดัดแปลงโดยการ
สอดไส้มากมาย เช่น ไส้กล้วย ไส้เผือก ไส้มะพร้าวอ่อน เป็นที่นิยมของพื้นบ้าน
มีวางขายหลายร้านจนมีชื่อเสียง

ประวัติความเป็นมาของข้าวหลามมีรายละเอียดไม่มากนักเพราะการทำข้าวหลาม
มีมาตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะมีคนบอกว่าการทำข้าวหลามนั้น
ทำมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย ที่คิดดัดแปลงมาโดยนำข้าวเหนียวกับถั่วดำมาปน
คลุกเคล้ากันแล้วใส่กระบอก แต่บางคนบอกว่าทำด้วยข้าวเหนียวแดงใส่ถุงแล้วหาบ
ขาย ต่อมานิยมทำกันมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นข้าวหลามใส่กระบอกไม้ไผ่ สมัยก่อน
มีไม้ไผ่มากพอในการทำข้าวหลาม แต่ในปัจจุบันมีการผลิตข้าวหลามขายกัน
ถ้วนหน้าจนมีชื่อเสียงแพร่หลายและนิยมทำกันมากในชุมชนจนยึดเป็นอาชีพ
กระบอกไม้ไผ่จึงหายากต้องสั่งมาจากจันทบุรีเป็นคันรถ

เรื่องย่อละครอสูรน้อยในตะเกียงแก้ว

เรื่องย่อละครอสูรน้อยในตะเกียงแก้ว
ณ ดินแดนเวทมนตร์ เมืองของแม่มดพ่อมดทั้งหลาย ทาฮิร่า (ดวงดาว จารุจินดา) แม่มดอาวุโส (ยายของ จินนี่ และ ฮันนี่) กับ บาบาร่า (สุปรีย์ฎา คำนวนศิลป์) คู่ปรับตัวร้ายที่กลายมาเป็นเพื่อนรัก และ ไทเกอร์ แมวแสนรู้ พูดได้ กำลังเดินเล่นในเมือง ซึ่งมีงานฉลองวันเวลา พิเศษในรอบหลายพันปี คือ วันที่ 9 เดือน 9 ปี 9 เวลา 9 นาฬิกา ทุกคนต่างมีความสุข แต่แล้วก่อนถึงเวลาสำคัญไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง แผ่นดินแตกแยกเป็นร่องลึกอย่างน่ากลัว ซ้ำร้ายลมพัดแรงกลายเป็นพายุหอบน้ำทะเลขึ้นมาซัดท่วมเมือง ผู้คนหนีตายกันอลหม่าน รวมทั้ง ทาฮิร่า บาบาร่า และ ไทเกอร์ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ทุกอย่างก็สงบลง ดินแดนเวทมนตร์ได้รับความเสียหายมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีคนบาดเจ็บล้มตายกันมาก เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอาเพศบอกลางร้ายที่น่ากลัวมาก กลุ่มแม่มดอาวุโสรีบไปที่หอประชุมอย่างรู้หน้าที่ เมื่อที่ประชุมพร้อม ประธานซึ่งเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดจึงบอกกับทุกคนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เป็นเพราะมีอสูรร้ายตนหนึ่งเกิดขึ้นแล้วบน ดินแดนแห่งนี้ อสูรน้อยตนนี้ถ้าไม่รีบกำจัด อีกยี่สิบปีข้างหน้ามันจะย้อนมาทำลายดินแดนเวทมนตร์จนไม่เหลือซาก อสูรน้อยตนนี้เกิดมาเพื่อทำลายจริงๆ ขอให้แม่มด พ่อมดทั้งหลายออกตามล่า และกำจัดมันให้เร็วที่สุด อันตรายจากอสูรน้อยทำให้ทุกคนหวาดกลัวรวมทั้ง ทาฮิร่า บาบาร่า แต่ทั้งคู่ไม่คิดหนีเอาตัวรอด หน้าที่ในการดูแลรักษา ดินแดนแห่งนี้เป็นของแม่มดอาวุโสทุกคน ทาฮิร่า กับ บาบาร่า รวมทั้ง ไทเกอร์ แมวที่มีประสาทในการดมกลิ่นดีเป็นพิเศษจึงออกตามล่าอสูรด้วยกัน ผ่านไปหลายชั่วโมงทั้งสามก็ไม่พบวี่แววอสูรแต่อย่างใด ทาฮิร่า จึงแยกไปตามหาอีกทางหนึ่ง ปล่อยให้ บาบาร่า กับ ไทเกอร์ ไปอีกทางหนึ่ง

ขณะที่ทาฮิร่าขี่ไม้กวาดผ่านป่าละเมาะ นางสังเกตเห็นแสงสว่างนวลเหมือนแสงไฟส่องวูบวาบขึ้นมา ทาฮิร่า ตัดสินใจบินลงไปเดินสำรวจทันที ที่นั่นนางพบกระท่อมหลังหนึ่ง เก่าทรุดโทรมจนไม่น่าจะมีใครอยู่ได้ แต่เสียงเด็กทารกร้องแว่วออกมาทำให้ทาฮิร่ารีบเข้าไปในกระท่อมทันที ที่พื้นห้องกลางบ้าน มีตะกร้าหวายบุด้วยผ้าสีแดงสวยสดใสวางอยู่ เสียงเด็กทารกร้องมาจากในตะกร้า ทาฮิร่าปราดเข้าไปดูทันที ทารกน้อยน่ารักลืมตามองนางตาแป๋ว ทาฮิร่ามองตาใสๆ ปากนิด จมูกหน่อย ของแกแล้ว ก็อดอุ้มขึ้นมาไม่ได้ พลางนึกสงสัยว่าเป็นลูกของใครกัน ร่างน้อยๆ นั้นห่อหุ้มด้วยผ้าไหมเนื้อเนียน สีแดงสวย มีลายปักด้วยเป็นลวดลายสวยประณีตงดงาม แสดงว่าพ่อแม่เด็กคนนี้ต้องไม่ธรรมดา แน่นอน ทาฮิร่าอดคิดถึง จินนี่ และ ฮันนี่ หลานสาวที่ตัดสินใจไปใช้ชีวิตอยู่ที่โลกมนุษย์ไม่ได้ เพราะเมื่อยังเป็นเด็ก ทั้งสองสาวก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่แพ้เด็กคนนี้เลย ทาฮิร่าตกใจเมื่อคิดได้ว่า เด็กคนนี้เป็นลูกอสูรที่นางต้องกำจัด สำนึกในหน้าที่ทำให้ ทาฮิร่า ยกมืออีกข้างขึ้นสูงเตรียมกำจัดเด็กน้อย ตาใสแจ๋วที่มองนาง ปากน้อยๆ ที่เผยอขึ้นราวจะพูดด้วยทำให้ทาฮิร่าทำไม่ลง นางคิดทบทวนช้าๆ ถ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่อสูร นางก็จะทำความผิดมหันต์ เป็นบาปหนักหนาสำหรับแม่มด ตราบใดที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าเจ้าตัวน้อยนี้เป็นอสูรทาฮิร่าจะไม่กำจัดแก เมตตาธรรมในใจทำให้นางตัดสินใจจะเลี้ยงทารกน้อยนี้ไว้เป็นหลานสาวคนใหม่ เสียงของบาบาร่ากับไทเกอร์ที่ร้องเรียกทาฮิร่า ทำให้นางต้องรีบซ่อนเจ้าตัวน้อยไว้ในลังเก่าๆ ที่มุมกระท่อมทันที เพราะรู้ดีว่าถ้าบาบาร่ากับไทเกอร์พบแกเข้า เด็กน้อยคนนี้คงไม่รอดชีวิตแน่นอน เมื่อทั้งสองตามเข้ามาในกระท่อม ไทเกอร์ทำจมูกฟุดฟิดทันที พลางพึมพำว่ากลิ่นเด็กทารก ไทเกอร์ปรี่เข้าค้นในกระท่อมจนทาฮิร่าใจหาย นางได้แต่ส่งกระแสจิตเตือนเด็กน้อยให้หาวิธีซ่อนร่องรอยกลิ่นของตัวเองอย่า ให้ไทเกอร์หาพบ ถ้าพ้นจากที่นี่ได้นางจะดูแลแกต่อไป ทาฮิร่าไม่หวังว่าเด็กคนนี้จะรับรู้อะไร ได้แต่คิดหาทางช่วยเหลือทางอื่น ทว่าจู่ๆ ไทเกอร์หยุดชะงัก หมุนไปรอบๆ ยื่นจมูกดมทุกอย่างจนแม้กระทั่งที่ลังนั่น ทาฮิร่าใจสั่นทำอะไรไม่ถูกกลัวไทเกอร์จะเปิดลังแล้วพบเด็กน้อย ทว่าไทเกอร์กลับไม่มีท่าทางว่าจะสนใจลังใบนั้นอีก ได้แต่เดินบ่นพึมพำว่าแปลกที่กลิ่นทารกหายไปเฉยๆ หายไปทันทีไม่ใช่ค่อยๆ จางไป แต่หายวูบไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน ทาฮิร่าจึงแกล้งว่า ไทเกอร์เพี้ยน แล้วชวนหนึ่งแม่มดกับหนึ่งแมวออกไปตามหาที่อื่น แมวตัวเก่งเริ่มหงุดหงิดเพราะมั่นใจใน
ประสาทสัมผัสพิเศษของตัวเอง แต่เมื่อบาบาร่าเห็นด้วยกับทาฮิร่าที่จะไปจากที่นี่ไทเกอร์จำใจยอมตามไปด้วย

ดึกมากแล้วเมื่อทาฮิร่าย้อนกลับมาที่กระท่อมร้างเพื่อมาพาเด็กน้อยกลับไปที่ บ้าน นางดีใจที่เด็กน้อยยังอยู่ที่เดิมที่ซ่อนไว้ นางจึงรีบพากลับไปที่บ้านของนางทันที ทาฮิร่าปิดประตูแน่นหนา นางโบกมือร่ายคาถา นมขวดหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันที นางรีบป้อนให้เจ้าตัวเล็ก พึมพำหยอกล้อกับเด็กน้อยอย่างอารมณ์ดี ทาฮิร่าแปลกใจที่แม่หนูอึดเกินเด็กทั่วไป ไม่ได้กินนมหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่งอแง นมหมดขวดอย่างรวดเร็ว ทาฮิร่าโยนขวดเปล่าหายวับไปในอากาศ เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนจะคุยด้วย นางจึงบอกแกว่าจะตั้งชื่อให้ว่า แนนนี่ (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) พูดแล้วก็ลังเลพึมพำเหมือนจะถามต่อไปว่า ชอบไหม หรือจะเปลี่ยนเป็นชื่ออื่น ทาฮิร่าตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงใสๆ ตอบมาว่าหนูชอบชื่อ แนนนี่จ้ะ เสียงนั้นดังขึ้นในความคิดในจิตใจอย่างประหลาด แต่นางไม่มีเวลาหาที่มาของเสียงนั้น เพราะบาบาร่ากับไทเกอร์กำลังเคาะประตูอยู่ดังลั่น ทาฮิร่าหันซ้ายหันขวาลุกลี้ลุกลนหาที่ซ่อนแม่หนูแนนนี่ นางยิ้มอย่างดีใจเมื่อเหลือบไปเห็นตะเกียงแก้วบนโต๊ะ ทาฮิร่า กระซิบบอกแนนนี่ให้ซ่อนอยู่ในตะเกียงแก้วและให้ระวังไทเกอร์ให้ดี พริบตาเดียวร่างแนนนี่หายวับไปในตะเกียงแก้ว แต่ทาฮิร่าต้องตกใจเมื่อไทเกอร์ปรากฏตัวขึ้นมาแทนในชั่วเสี้ยววินาทีตามมา ด้วยบาบาร่า ไทเกอร์ทำจมูกฟุดฟิด เดินวนรอบทาฮิร่า ทำหน้าตาสงสัย พึมพำว่ากลิ่นแปลกๆ ก่อนจะหันไปสนใจตะเกียงแก้ว ทาฮิร่ารีบคว้าตะเกียงแก้วขึ้นมาถือไว้ ย่อส่วนจนเหลืออันนิดเดียว แล้วรีบซุกไว้ในเสื้อคลุมของนาง พลางบ่นว่าต้องรีบเก็บก่อนไทเกอร์จะทำตะเกียงแตกเพราะทั้งซนและซุ่มซ่าม ไทเกอร์งอนแต่ไม่วายจะเที่ยวดมฟุดฟิดไปทั่วบ้าน งึมงำแต่ว่า กลิ่นทารก กลิ่นเด็กอ่อน ต้องหาให้เจอ ทาฮิร่าได้แต่ส่งกระแสจิตเตือนแนนนี่ ให้ระวังตัว จู่ๆ ไทเกอร์ หยุดนิ่ง ทำหน้างงๆก่อนจะบ่นอุบอิบว่า กลิ่นหายไปหมดแล้ว ทาฮิร่าจึงถอนใจยาวอย่างโล่งอก จากนั้นต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าบาบาร่ากับไทเกอร์จะยอมกลับไป

เมื่อแน่ใจว่าอยู่กันตามลำพัง ทาฮิร่าจึงลองส่งกระแสจิตคุยกับแนนนี่อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่านางไม่ได้หูแว่วไปเอง เด็กน้อยทำให้นางอึ้งเมื่อสามารถโต้ตอบกับนางทางกระแสจิตได้ราวกับคนที่โต แล้ว ทาฮิร่าเลี้ยงแนนนี่ลำบากขึ้นทุกวัน เพราะบาบาร่ากับไทเกอร์มาแอบดูอยู่เสมอ และหลายครั้งที่เกือบจับแนนนี่ได้ ทว่าแนนนี่มีอำนาจพิเศษที่เก่งกว่า เพราะจะรู้ตัวและหายจากอ้อมแขนทาฮิร่าไปซ่อนตัวในตะเกียงแก้วอย่างรวดเร็วจน ทาฮิร่าปรับตัวไม่ทัน ต้องยืนทำท่าอุ้มเด็ก พูดคนเดียวอยู่จนบาบาร่ากับไทเกอร์สงสัยมากขึ้นทุกที ขณะเดียวกัน ผู้นำแม่มดประกาศตามล่าอสูรต่อไปจนกว่าจะกำจัดได้ สถานการณ์ที่ดินแดนเวทมนตร์ตึงเครียดขึ้นทุกวัน จนทาฮิร่าตัดสินใจว่าต้องส่งแนนนี่มาเลี้ยงที่โลกมนุษย์ และต้องหาครอบครัวที่ดี มีศีลธรรมด้วยเพื่อจะได้อบรมสั่งสอนให้อสูรน้อยกลับตัวกลับใจ นางมั่นใจว่าเด็กที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูด้วย ความรัก ความเมตตา และได้รับการสั่งสอนที่ดี จะเติบโตเป็นคนดีได้ ดังนั้นทาฮิร่าจึงต้องเดินทางมาโลกมนุษย์บ่อยครั้ง ครอบครัวดีที่ต้องการนั้นหายากเหลือเกิน

วันหนึ่ง ทาฮิร่าบินผ่านซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง นางเห็นหญิงสาววัยรุ่นอุ้มเด็กเดินแกมวิ่งท่าทางโกรธจัด หน้าตาบูดบึ้ง ปากบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง เมื่อนางตั้งใจฟัง ก็ตกใจจนแทบเป็นลม เพราะหญิงคนนั้นตั้งใจพาเด็กมาทิ้งที่กองขยะ หรือถ้ามีโอกาสก็จะฆ่าทิ้งทันที ก่อนที่ทาฮิร่าจะบินลงไปห้าม ผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งมาห้ามเสียก่อน ผู้หญิงคนนี้แต่งกายดีท่าทางมีเมตตา ทาฮิร่าแอบดูเหตุการณ์ต่อไปจึงรู้ว่า แม่ของเด็กชื่อมาลี เป็นเด็กสาวมาจากต่างจังหวัด มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายปลาในตลาด อยู่มาวันหนึ่ง มาลีถูกผู้ชายกลุ่มหนึ่งฉุดและโดนรุมข่มขืนจนหมดสติจำอะไรไม่ได้ มาลีไม่กล้าไปแจ้งความเก็บเรื่องเงียบไว้ กว่าจะรู้ตัวก็ตั้งท้องได้หลายเดือนแล้ว พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แท้ง แต่ไม่สำเร็จ เธอไม่รักลูกเลยสักนิด ทุกวันมาลีจะบ่นระบายความเคียดแค้นชิงชังอยู่คนเดียว โดยไม่รู้ว่าเด็กในท้องรับรู้ถึงความโกรธแค้นนี้ด้วย

เมื่อครบกำหนด มาลีคลอดลูกเป็นหญิง หน้าตาน่าเอ็นดู แต่เธอกลับเกลียดลูกที่สุด ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล มาลีตั้งใจจะอุ้มลูกมาทิ้ง ทว่า ปัทมน (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) เจ้าของโรงงานเย็บกระเป๋าเพื่อส่งออกที่มีชื่อเสียงมาพบเข้าเสียก่อน เธอเป็นคนใจบุญ จึงขอลูกสาวของมาลีมาอุปการะ มาลีรีบส่งลูกให้โดยไม่อาลัยสักนิด มาลีวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่า ปัทมนจะคืนลูกกลับมา ทาฮิร่าตามปัทมนไปถึงบ้าน ได้รู้เพิ่มเติมอีกว่า ปัทมนเป็นม่าย มีลูกชาย หนึ่งคนชื่อ ธานี (กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์) อายุเพิ่ง 5 ขวบ เธอเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมาก ใจบุญ และฐานะดี บ้านของเธออยู่ติดกับ ดร.จักรวาล (ปรินทร์ วิกรานต์) นักวิทยาศาสตร์หนุ่มใหญ่ เขาเป็นพ่อม่ายมีลูกติดสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง คือ ภวัต (อ๊อฟ ชนะพล สัตยา) อายุเท่า ธานี และ รัดเกล้า (ธันย์ชนก ฤทธินาคา) อายุประมาณ 3 ขวบ ทั้งสองครอบครัวนี้ สนิทสนมกันมาก เด็กๆ ก็รักกันเหมือนพี่น้อง เรียนอยู่ที่เดียวกันด้วย ดังนั้น ดร.จักรวาล กับ ปัทมน จะผลัดกันรับลูกถ้าอีกฝ่ายไม่ว่าง หรือถ้าใครมีงานต้องไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ หลายวัน ดร.จักรวาล กับ ปัทมน จะสลับกันช่วยดูแลเด็กๆ ให้ เด็กหญิงลูกของมาลี ปัทมนตั้งชื่อให้ว่า ดารกา (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) ธานีเห่อน้องสาวคนใหม่มาก รวมไปถึง ภวัต กับรัดเกล้าด้วย ทาฮิร่าพรางตัวแอบตามดูครอบครัวนี้อยู่หลายวันจนรู้ว่า ดร.จักรวาล กับ ปัทมน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ปัทมน เป็นคนจิตใจงาม อ่อนโยน ชอบปฏิบัติธรรม

ทาฮิร่าดีใจที่พบคนที่เหมาะสมที่จะฝากแนนนี่ให้ดูแลแล้ว แต่ยังหาวิธีส่งตัว แนนนี่มาอยู่ที่นี่อย่างแยบยลไม่ได้ ทุกวันที่กลับไปจากบ้านปัทมน ทาฮิร่าจะเล่าเรื่องครอบครัวนี้ให้แนนนี่ฟัง นางบอกต่อไปว่าการที่หลานสาวตัวน้อยได้ไปอยู่กับปัทมนจะเป็นการดี และปลอดภัยที่สุด บ่ายวันหนึ่งขณะที่ ทาฮิร่า พรางตัวมาที่บ้านนี้เช่นเคย เสียงเอะอะของคนในบ้านที่ตามหา ธานี ทำให้ทาฮิร่าร้อนใจ นางปรากฏร่างที่สระว่ายน้ำทันทีที่ได้ยิน เสียงกรีดร้องของปัทมน ภาพของเด็กชายธานีกำลังดิ่งจมลงก้นสระ ทำให้ปัทมนทำอะไรไม่ถูก ทาฮิร่าร่ายมนตร์วิเศษทันที ร่างธานีกลับพลิกหงายลอยตัวขึ้นช้าๆ กลับมาที่ริมสระ ในช่วงเวลานั้นปัทมนตกตะลึงตาค้างมองทาฮิร่าอย่างแปลกใจ เมื่อร่างลูกชายลอยมาใกล้เธอๆ รีบวิ่งไปช้อนตัวลูกชายขึ้นมากอด ธานีรู้สึกตัวดีไม่มีอาการของคนที่จมน้ำเลย อย่างไรก็ตาม ปัทมนก็จะพาแกไปโรงพยาบาล ขณะที่ทุกคนในบ้านโกลาหลช่วยธานี ปัทมนเหลียวหาหญิงวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมรุ่มร่าม ท่าทางใจดี ที่ช่วยลูกชายไว้ เธอหันไปพบนางกำลังจะเลือนหายไปในกำแพง ปัทมนอึ้งทำอะไรไม่ถูก

ที่โรงพยาบาลหมอตรวจธานีอย่างละเอียดและบอกว่าปลอดภัยดี คืนนั้นปัทมนสวดมนตร์อยู่นาน ตั้งจิตอธิษฐานขอพบหญิงลึกลับที่ช่วยชีวิตลูกชายสักครั้ง เมื่อปัทมนกลับเข้าห้องนอนส่วนตัว เธอพบทาฮิร่านั่งรออยู่แล้ว มาคราวนี้นางแต่งกายสุภาพทันสมัย สง่างาม หน้าตายิ้มแย้มอย่างคนใจดี ปัทมนรีบยอบตัวลงนั่งพนมมือไหว้ขอบคุณทาฮิร่าทันที การที่นางช่วยชีวิตธานีไว้ ปัทมนถือว่าเธอเป็นหนี้บุญคุณนางที่สุด ทาฮิร่าคุยกับปัทมนอยู่นานนางขอร้องให้ช่วยเลี้ยงแนนนี่ หลานสาวตัวน้อย เด็กพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ทาฮิร่าจำเป็นต้องบอกข้อมูลบางอย่างให้ปัทมนรู้เพื่อจะได้ไม่ตกใจ ถ้ายัยหนูทำอะไรแผลงๆ ทาฮิร่าบอกว่านางเป็นแม่มดมาจากดินแดนเวทมนตร์ ส่วนแนนนี่เป็นหลานสาวที่มีเลือดผสมของมนุษย์กับแม่มด เด็กกลุ่มนี้จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนที่นั่น ทาฮิร่าจึงต้องนำมาฝากให้ปัทมนเลี้ยงดู โดยขอให้อบรมแกให้เป็นคนดี และสัญญาว่าจะมาเยี่ยมแกบ่อยๆ ช่วยประคับประคองอีกทางหนึ่ง ทาฮิร่าขอร้องให้ปัทมนเก็บเรื่องแนนนี่เป็นแม่มดไว้เป็นความลับ ซึ่งปัทมนยอมรับปากอย่างเต็มใจ

ไม่กี่วันต่อมา ทาฮิร่าในมาดหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดี สง่างามก็อุ้มแนนนี่มาให้ปัทมน เธอรับแกมาอุ้มอย่างเอ็นดู เด็กน้อยตากลมโตใสแจ๋วยิ้มให้ปัทมน ทาฮิร่าอยู่ไม่นานก็กลับไป ได้แต่ส่งกระแสจิตคุยกับแนนนี่ตลอดเวลา น่าแปลกที่ทันทีที่ปัทมนอุ้มแนนนี่ ดารกากลับร้องไห้จ้างอแง อย่างไม่มีเหตุผล วันนั้นธานีภวัต และรัดเกล้า แย่งกันเลี้ยงน้องสาวคนใหม่ พอดารการ้องไห้ก็ไปโอ๋ดารกา ภวัต สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงใสแจ๋วก้องในหัวว่า ห้ามไปเล่นกับคนอื่น พี่ภวัตต้องเป็นพี่ชายของแนนนี่คนเดียว เขาเหลียวมองรอบตัวก็ไม่มีใคร ภวัตหันไปมองแนนนี่ ยัยหนูยิ้มให้ส่งเสียงอ้อแอ้ชวนเล่นเหมือนทารกทั่วไป แต่เมื่อเขาหันไปหา ดารกา เสียงดุๆ ใสแจ๋วนั่นก็ดังขึ้นอีก พี่ภวัตมาหาแนนนี่ ภวัต มองธานี รัดเกล้า และยายผาด (จารุศิริ คชหิรัญ) พี่เลี้ยงของเด็กๆอย่างประหลาดใจ ที่ทุกคนทำราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ภวัตหันไปมองแนนนี่อีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องนั้น เด็กชายคิดว่าเขาหูแว่วไปเอง ทาฮิร่าที่แอบเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่อ่อนใจในความแก่นแก้วของแนนนี่ นางหาโอกาสปรากฏตัวมาคุยกับภวัต บอกว่าแกเป็นยายของแนนนี่ ค่อยๆคุยจนเด็กชายถามถึงเรื่องที่ได้ยินเสียงแนนนี่ หรือแนนนี่พูดโต้ตอบราวกับอ่านใจเขาได้ ทาฮิร่าทำเป็นดีใจที่ภวัตรู้สึกเหมือนแก แถมยังบอกอีกว่า แกไม่กล้าบอกใครกลัวเขาจะหาว่าเพี้ยน แนนนี่เป็นเด็กพิเศษจริงๆ ทาฮิร่ากับภวัตตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับรู้กันสองคน ภวัตรู้สึกดีและสบายใจมากขึ้นที่ไม่ได้ผิดปกติคนเดียว ดึกมากแล้วเมื่อทาฮิร่ามาหาแนนนี่ ยัยหนูดีใจนักหนา แต่เมื่อทาฮิร่าถามเรื่องภวัตว่าทำไมต้องพูดคุยสื่อสารกับเขา แนนนี่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ตนรู้สึกผูกพันกับเขามาก ทันทีที่เห็นหน้า และจะไม่ยอมให้เขาไปวุ่นวายกับคนอื่นเด็ดขาด พี่ภวัตต้องรักแนนนี่ เป็นพี่ชายของแนนนี่คนเดียว ทาฮิร่าเริ่มหนักใจกับอิทธิฤทธิ์ของเจ้าอสูรน้อยเต็มที

เวลาผ่านไป วันนี้ที่บ้านปัทมนจัดงานฉลองวันเกิดให้ลูกสาว ทั้งสองคน คือ ดารกา และแนนนี่ ทั้งคู่อายุ 12 ปีแล้ว ปัทมนเลี้ยงเด็กทั้งคู่มาด้วยกัน อบรมเหมือนกันทุกอย่างแต่นิสัยใจคอต่างกันลิบลับ แนนนี่ทั้งขี้อิจฉา เอาแต่ใจตัวเอง เป็นตัวป่วนประจำบ้าน แก่นแก้ว ชอบแกล้งและเอาเปรียบดารกาตลอดมา แกไม่ยอมรับว่าดารกาเป็นพี่สาว แม้ปากจะเรียก พี่ดา แต่ก็เรียกไปอย่างนั้น แนนนี่รักและติดภวัตมาตั้งแต่เด็กๆ จะอาละวาดถ้าภวัตไม่เล่นด้วยหรือหันไปสนใจดารกา ด้านการเรียนแนนนี่เรียนไม่ค่อยเก่งจนปัทมนหนักใจส่วนดารกาตรงกันข้าม เด็กหญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน เรียนเก่ง และยอมให้แนนนี่แกล้งตลอดเวลา ยายผาดสรุปว่า ถ้าเป็นละครดารกาก็เป็นนางเอกส่วนแนนี่คือนางอิจฉา วันนั้นเกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อภวัตหยิบกล่องของขวัญผูกโบว์สีชมพูให้ดารกาก่อนจะหยิบกล่องผูกโบว์สี แดงให้แนนนี่ พลางพูดเย้าอย่างอารมณ์ดีว่า สีชมพูเหมาะกับดารกาที่หวานเรียบร้อย ส่วนแนนนี่เป็นสีแดงเพราะซนเหลือเกิน แนนนี่ตาคว่ำมองดารกาที่บรรจงแกะกล่องอย่างหมั่นไส้เต็มทน แต่ยังเกรงใจภวัตจึงไม่อาละวาด ดารกาหยิบผ้าพันคอเนื้อนิ่มสีชมพูหวานคลี่ออกดูอย่างพอใจ เด็กสาวขอบคุณภวัตพี่ชายที่แสนดีอย่างน่ารัก แนนนี่งอนป่องฉวยกล่องของขวัญไปที่ห้องนอน เธอแกะโบว์และฉีกกระดาษขาดอย่างคนใจร้อนและเอาแต่ใจ ทาฮิร่าซึ่งแอบดูอยู่นานได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แนนนี่กระชากผ้าพันคอเนื้อนิ่มแบบเดียวกับของดารกา เพียงแต่เป็นสีแดงออกมาอย่างโกรธจัด ทั้งที่ผ้าพันคอผืนนั้นสีสวยสดใสมาก แต่แนนนี่กลับมองไม่เห็นความสวยงามของมันเด็กสาวฉีกผ้าพันคอขาดเป็นริ้ว ทันที บ่นพึมพำต่อว่าภวัตที่ไม่รู้ใจตนว่าตัวเองชอบสีชมพูและเกลียดสีแดงที่สุด แนนนี่ทำให้ทาฮิร่าต้องปรากฏตัวออกมา แนนนี่ดีใจที่ยายมาหา แต่ก็หน้าเสียเพราะรู้ว่าเดี๋ยวต้องถูกดุแน่นอน ทาฮิร่าอบรมแนนนี่ที่ทำตัวไม่น่ารัก ไม่เห็นคุณค่าของของขวัญที่ภวัตหามาให้ เด็กสาวเถียงข้างๆ คูๆ ว่า ภวัตแกล้งเลือกสีแดงมาให้ทั้งที่รู้ว่าแนนนี่ชอบสีชมพู ทาฮิร่าจึงพูดอย่างรู้ทันว่า ถ้าภวัตเลือกสีแดงให้ดารกาแล้วสีชมพูให้แนนนี่ เธอก็จะเกลียดสีชมพูใช่หรือไม่ แนนนี่หน้าแดงที่ยายรู้ทันแต่ไม่ยอมรับง่ายๆ ทาฮิร่าจึงบอกว่า รู้มั้ยกว่าภวัตจะตัดสินใจเลือกผ้าพันคอผืนนี้ให้แนนนี่เขาใช้เวลาเลือกอยู่ นานมาก ต่างกับของดารกา ที่เห็นปุ๊บก็หยิบเลย แนนนี่ยังเถียงว่า เพราะภวัตสนใจแต่ดารกา จึงรู้ดีว่าต้องหยิบสีชมพู

ทาฮิร่าระอาใจกับความรั้นของแนนนี่จนอยากจะตีแม่หลานสาวจอมแก่นสักที แต่ก็ทำไม่ลงจึงอธิบายต่อไปอีกว่า ตรงกันข้ามเลย ที่เลือกให้แนนนี่อยู่นานก็เพราะต้องการให้ของที่ถูกใจแนนนี่ต่างหาก ภวัตเดินหาอยู่นานกว่าจะได้ผ้าพันคอสีแดงสวยถูกใจเขา ถ้าไม่เพราะสนใจแนนนี่มากจะเดินหาให้เหนื่อยทำไม หยิบสีอะไรก็ได้ หรือแม้แต่สีแดงก็มีให้เลือกเป็นสิบๆ เฉดสี แต่ผืนนี้สวยต่างจากผืนอื่นภวัตจึงเลือกมาให้เธอ แต่แนนนี่กลับฉีกขาดเหมือนไม่เห็นคุณค่าและน้ำใจคนให้ ทาฮิร่าย้ำว่าที่รู้ก็เพราะแอบตามไปเพื่อหาของขวัญให้แนนนี่เหมือนกัน แนนนี่ยิ้มออกโบกมือร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว ผ้าพันคอที่ขาดเป็นริ้วกลับคืนสู่สภาพเดิมทันที ทาฮิร่าถอนใจอย่างหนักใจเมื่อเห็นแนนนี่ใช้เวทมนตร์ นางย้ำกับเธอว่า บอกกี่ครั้งว่าห้ามใช้เวทมนตร์พร่ำเพรื่อ เพราะแนนนี่เกิดมาเป็นลูกครึ่งแม่มดลูกครึ่งมนุษย์ การใช้เวทมนตร์พร่ำเพรื่อหรือใช้ในทางที่ผิดจะเป็นการทำลายตนเอง แนนนี่โผกอดทาฮิร่าอย่างประจบและรับปากว่าจะระวังให้มากขึ้น ทาฮิร่าใจอ่อนแม้จะรู้ว่าแนนนี่จะเผลอตัวบ่อยครั้งเมื่อไม่ได้ดั่งใจ แนนนี่อ้อนขอตะเกียงแก้วจากทาฮิร่าเป็นของขวัญวันเกิดเหมือนทุกปี เด็กสาวปฏิเสธของขวัญชิ้นอื่นจากทาฮิร่าจะขอเพียงอย่างเดียวคือตะเกียงแก้ว ที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็ก ทาฮิร่ารับปากว่าปีนี้จะให้ โดยตกลงกันก่อนว่าแนนนี่ต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเป็นความลับอย่าให้ใคร เห็นเด็ดขาด แนนนี่รับปาก ทาฮิร่าจึงบอกว่าคืนนี้จะนำมาให้ แต่ตอนนี้ให้แนนนี่กลับลงไปทำหน้าที่เจ้าของวันเกิดที่น่ารักได้แล้ว เด็กสาวพันผ้าพันคอผืนสวยวิ่งลงมาอย่างอารมณ์ดี แม้จะหงุดหงิดที่ต้องเป่าเค้กพร้อมกับดารกาแต่ก็พยายามข่มใจ แนนนี่ตัดเค้กลงจานแบ่งแล้วรีบยกไปให้ปัทมนกับจักรวาลที่โต๊ะก่อนดารกาจะ แย่งทำ แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งแนนนี่เห็นดารกากำลังประคองถาดเสิร์ฟเค้กให้ ภวัต รัดเกล้า และธานีที่โต๊ะกลางสนาม แนนนี่ก็โกรธขึ้นมาอีก เธอเหลือบเห็นผ้าพันคอสีชมพูที่ดารกาวางเอาไว้ แนนนี่ห้ามใจไม่อยู่สาวน้อยอารมณ์ร้ายหยิบผ้าพันคอผืนนั้นขึ้นมาฉีกขาดก่อน จะพับไว้เหมือนเดิม เมื่องานเลี้ยงเลิก ดารกาหยิบกล่องของขวัญกลับไปที่ห้อง เธอใจหายเมื่อเห็นว่าผ้าพันคอผืนสวยเป็นรอยขาดหลายแห่ง ดารกานึกรู้ว่า ต้องเป็นฝีมือแนนนี่ เธอเดินไปที่ห้องน้องสาวและต่อว่าอย่างเสียใจ แต่แนนนี่กลับทำไม่รู้เรื่องปฏิเสธเสียงแข็ง แต่แล้วก็หน้าซีดเมื่อดารกาพูดเรียบๆ ว่า งั้นคงขาดมาจากที่ร้านแล้วภวัตไม่เห็น เธอจะไปบอกภวัตให้พาไปเปลี่ยนผ้าผืนใหม่ ดารกาออกจากห้องไปแล้ว แนนนี่หน้าเง้าไม่พอใจ เธอจะยอมให้ดารกาทำอย่างนั้นไม่ได้ สาวน้อยพึมพำขอโทษทาฮิร่าก่อนจะผิดสัญญาใช้เวทมนตร์ทำให้ผ้าพันคอสีชมพูกลับ สู่สภาพเดิมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

ส่วนดารกากลับไปที่ห้องส่วนตัว ได้แต่เสียใจที่โดนแกล้ง แต่เธอคงไม่บอกภวัต ที่พูดไปก็เพราะต้องการให้แนนนี่กลัวบ้างเท่านั้น ดารกาสะบัดผ้าออกเพื่อพับเก็บ เด็กสาวอึ้งเมื่อเห็นว่าผ้าพันคอผืนสวยไม่มีรอยขาดแม้สักนิด ความดีใจที่ได้ของกลับมามีมากกว่าความสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน คืนนั้นดารกาหลับอย่างมีความสุข ส่วนแนนนี่คอยทาฮิร่าจนดึกกว่าทาฮิร่าจะมา นางนำตะเกียงแก้วมาให้แนนนี่ตามสัญญา ซึ่งแนนนี่ดีใจมาก คว้ามือทาฮิร่าหายวับลงไปในตะเกียงแก้วด้วยกันทันที ห้องในตะเกียงแก้วสวยงามน่าอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง แนนนี่ลงนอนบนเบาะนุ่มสีสวยแล้วหลับไปอย่างง่ายดาย ทาฮิร่ายิ้มให้อย่างเอ็นดูก่อนจะกลับดินแดนเวทมนตร์ไป

ไม่กี่วันต่อมา จักรวาลนำข่าวดีมาบอกภวัตว่ามหาวิทยาลัยที่อเมริกาตอบรับให้เขาเข้าเรียน แล้ว และต้องเดินทางเร็วๆ นี้ ภวัตตั้งใจจะเรียนแพทย์ เขาเรียนเก่งจนได้ไปเรียนต่ออย่างที่ตั้งใจ ข่าวนี้ทำให้ดารกาซึมลงไป เธอเองก็รักและ “ติด” ภวัตไม่ต่างจากแนนนี่เช่นกัน ส่วนแนนนี่ที่ใครต่อใครเป็นห่วงว่าคงอาละวาดไม่ยอมให้ภวัตไป กลับนิ่งเฉย ไม่ทุกข์ร้อนเสียใจอะไรเลยสักนิดจนทุกคนแปลกใจ เมื่อถามเธอเรื่องนี้ แนนนี่กลับพูดจาเป็นผู้ใหญ่ว่าภวัตไปเรียนเพื่อนำความรู้กลับมารักษาคนไข้ ไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อยจะโกรธทำไม ที่จริงแล้วแนนนี่รู้ดีว่าเธอจะไปหาภวัตเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเธอเป็นแม่มด แว้บไปแว้บมาเมืองไทยกับอเมริกาง่ายนิดเดียว วันที่ไปส่งภวัตที่สนามบิน แนนนี่หงุดหงิดที่ดารกาทำพวงกุญแจที่มีกรอบรูปใส่รูปตัวเองให้ภวัตติดตัวไป เป็นที่ระลึกเพื่อจะได้ไม่ลืมเธอ แต่ครู่เดียวก็ยิ้มระรื่น รูปถ่ายหรือจะสู้ตัวจริงอย่างแนนนี่ ทาฮิร่าแอบมาพบภวัตที่ห้องพักผู้โดยสาร นางมาอวยพรให้เขาเรียนสำเร็จและเดินทางปลอดภัย ชายหนุ่มงงๆ ที่ทาฮิร่าโผล่มาและหายไปอย่างรวดเร็ว จนเขานึกชมว่านางช่างแข็งแรงเหลือเกิน ส่วนแนนนี่เมื่อกลับถึงบ้านเธอรีบกลับไปที่ห้องส่วนตัวก่อนจะหายแว้บไปพร้อม ไม้กวาด พาหนะคู่ใจ เธอจะบินตามไปส่งภวัตพี่ชายคนพิเศษของเธอ ส่วนภวัตตกใจนึกว่าตาฝาดเมื่อเห็นแนนนี่ขี่ไม้กวาดบินลอยอยู่ข้างหน้าต่าง เครื่องบิน เสียงใสๆ ของเธอที่ดังขึ้นในใจทำให้เขารู้ว่าไม่ผิดตัว เป็นแนนนี่จริง ภวัตทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าเธอทำได้อย่างไร แนนนี่โบกมือให้เมื่อเห็นว่าเธอกำลังทำให้ผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ สงสัยว่า ภวัตจะเพี้ยน เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่จะเห็นเธอได้ ในเวลาเดียวกัน ทาฮิร่าที่เฝ้ามองหลานสาวจากดินแดนเวทมนตร์ หนักใจที่แนนนี่อสูรน้อยตนนี้ฤทธิ์มากเหลือเกิน ขี่ไม้กวาดบินตามเครื่องบินได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยตั้งแต่อายุนิดเดียว แนนนี่เป็นเด็กพิเศษมากจริงๆ เสียด้วย ทาฮิร่าอดสงสัยไม่ได้ว่าหลานสาวเป็นอสูรแต่ทำไมใช้เวทมนตร์และขี่ไม้กวาด คล่องแคล่วราวกับแม่มดอย่างนี้ เก่งกว่าจินนี่กับฮันนี่เสียอีก ส่วนภวัตแปลกใจมากขึ้นเมื่อเขาเดินทางถึงที่พักแล้วพบแนนนี่นั่งรออยู่แล้ว ที่เก้าอี้รับแขก ภวัตเข้าใจว่าแนนนี่บินตามมาพร้อมครอบครัว แนนนี่ต้องอธิบายอยู่นาน แสดงการใช้เวทมนตร์อีกหลายอย่างกว่าภวัตจะยอมรับอย่างไม่เต็มใจนักว่าเธอ เป็นแม่มด เวลาผ่านไปอีก แนนนี่โตเป็นสาวสวยคมเข้มสะดุดตา เธอเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ส่วนดารกามุมานะจนสอบติดแพทย์จนได้ เธอตั้งใจเรียนแพทย์เหมือนภวัตเพราะต้องการใกล้ชิดกับเขา ทั้งที่เคยตั้งความฝันว่าจะเป็นนักธุรกิจเหมือนปัทมน ขณะที่ภวัตเรียนอยู่อเมริกา คนอื่นๆ ในครอบครัวติดต่อกับเขาทางสื่อทันสมัยต่างๆ ทั้งโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต แต่แนนนี่กลับใช้วิชาแม่มด แม้จะโบราณแต่ได้ผลดีกว่า
เพราะเธอสามารถไปพบกับภวัตได้ตลอดเวลา แม้จะต้องทำตามเงื่อนไขของภวัตอยู่บ้าง เช่นให้ระวังตัว หรือห้ามมากวนตอนใกล้สอบ แนนนี่ก็พอใจ

บ่ายวันนี้ รัดเกล้านำข่าวของภวัตมาเล่าให้ฟังเหมือนเคย แต่ข่าวนี้กลับทำให้ดารกาเสียใจมาก รวมทั้งแนนนี่ด้วย รัดเกล้าบอกว่า กลับมาคราวนี้ภวัตคงพาแฟนกลับมาด้วย เธอชื่อ บุษบา (ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) เป็นผู้หญิงที่สนิทสนมกับภวัตมากเป็นพิเศษ ดารกาเสียใจ เจ็บปวดจนต้องหนีกลับไปร้องไห้ที่ห้องพัก เธอรักภวัตเหลือเกิน ในความรู้สึกของเธอภวัตไม่ใช่ “พี่ชาย” มานานหลายปีแล้ว แต่เขาเป็น “คนพิเศษ”ในใจเธอต่างหาก ส่วนแนนนี่แทบอดใจรอจนถึงค่ำไม่ไหว คืนนี้เธอต้องไปคุยกับภวัตให้รู้ความจริงเกี่ยวกับบุษบาให้ได้ ที่ห้องพักของภวัต ชายหนุ่มโดนแนนนี่แม่มดจอมป่วน ซักถามเขาอย่างละเอียดเรื่องบุษบา ซึ่งเขาตอบตามความจริงว่าไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเพื่อน แนนนี่ถามจนพอใจ เมื่อมั่นใจว่าภวัตไม่ได้รักบุษบาเธอโผเข้ากอดภวัตแน่นอย่างดีใจ บอกย้ำว่าเขาต้องรักเธอดูแลเธอคนเดียวเท่านั้น ภวัตใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แนนนี่เข้ามากอดเขา แต่ทุกครั้งเธอเหมือนน้องน้อยน่ารักขี้ประจบทำให้เขารู้สึกเอ็นดู ไม่เคยใจเต้นแรงอย่างนี้สักครั้ง ภวัตค่อยๆ ปลดมือยัยจอมแก่นออกจากตัว ข่มใจไม่ให้ตื่นเต้นจนแนนนี่รู้ เพราะเธออ่านใจเขาได้ง่ายมากถ้าภวัตเผลอตัวคิดเรื่อยเปื่อย เขารู้ว่าถ้าเขาทำจิตว่างแล้ว แนนนี่จะไม่สามารถอ่านใจเขาได้เลย ชายหนุ่มแกล้งไล่แนนนี่กลับโดยอ้างว่าเขาจะดูหนังสือเตรียมสอบครั้งสุดท้าย แนนนี่ยอมกลับแต่โดยดี ภวัตข่มใจอ่านหนังสือต่อไป พยายามทำจิตนิ่งๆ แต่ภาพของแนนนี่แม่มดสาวสวยคอยรบกวนจิตใจอยู่ร่ำไป วันหนึ่ง แนนนี่นึกสนุกแอบเดินทางไปที่ดินแดนเวทมนตร์ทั้งที่รู้ว่า ทาฮิร่าห้ามนักหนา แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอแอบไปจนได้

แนนนี่ตื่นตาตื่นใจมากกับความสวยงามของดินแดนแห่งนี้ สาวน้อยไปที่โรงเรียนเวทมนตร์ เธอนั่งฟังการสอนของครูอย่างสนุกสนาน คาถาต่างๆ พรั่งพรูเข้าสมองอย่างง่ายดาย ช่างต่างจากการเรียนที่มหาวิทยาลัยบนโลกจริงๆ ที่แนนนี่ไม่เข้าใจอะไรเลย หญิงสาวหลบออกไปก่อนที่ใครจะทันสังเกต เธอเดินเพลินๆไปที่ห้องสมุดสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่ง ปกสีดำสนิท ตัวหนังสือสีทองกระจ่างที่หน้าปก แนนนี่หยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างสนใจ ตาคมสวยเป็นประกายอย่างถูกใจเมื่อเห็นว่าเป็นตำราที่รวบรวมคาถาบทพิเศษๆ เอาไว้ แนนนี่พึมพำขอยืมก่อนจะเก็บหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋าสะพายทันที แม่มดน้อยออกเที่ยวต่อไปอย่างตื่นตาตื่นใจ จนมาถึงตลาดกลางเมืองซึ่งทาฮิร่า บาบาร่ากับไทเกอร์ออกมาซื้อของเช่นกัน แนนนี่เดินปะปนกับชาวเมืองไปเรื่อยๆ เธอเที่ยวเพลินจนไม่ทันระวังตัว มารู้สึกตัวอีกทีเจ้าไทเกอร์แมวตัวร้ายก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ไทเกอร์เดินวนดมฟุดฟิดรอบตัวเธอ มันลังเลไม่แน่ใจ เมื่อได้กลิ่นอสูรจางๆ จากตัวแนนนี่ กลิ่นอ่อนมาก แต่ก็เป็นกลิ่นอสูร ไทเกอร์โวยวายเอะอะให้ช่วยจับอสูรทันที ทาฮิร่าตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นแนนนี่ เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายจนแนนนี่ทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อหันไปเห็นทาฮิร่าก็ใจชื้น สองยายหลานคุยกันทางกระแสจิต ทาฮิร่าแอบร่ายมนตร์ช่วยแนนนี่ให้หนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิดเต็มที คืนนั้นทาฮิร่าตามมาดุแนนนี่ในตะเกียงแก้วมากมาย นางชี้ให้เห็นถึงอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับแนนนี่ถ้ายังดื้อไม่เชื่อนางและแอบไปที่ดินแดนเวทมนตร์อีก และการที่แนนนี่หยิบตำราสำคัญออกมาจากดินแดนเวทมนต์ ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง แนนนี่จึงหยิบตำราเล่มนั้นออกมาคืนทาฮิร่า หญิงสาวยิ้มไม่ออกเมื่อทาฮิร่าบอกว่า ตำราเล่มนี้จะเป็นเหมือนอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่ทำให้คนจากดินแดนเวทมนตร์ตามมา จับตัวเธอได้

ทาฮิร่าจึงสั่งห้ามแนนนี่ไม่ให้ไปที่นั่นอีกเด็ดขาด แนนนี่ยอมสัญญาแต่โดยดี ข่าวการเดินทางกลับมาของภวัตทำให้แนนนี่และดารกาตื่นเต้น ทุกคนในครอบครัวไปรับเขาที่สนามบิน ภาพของหญิงสาวสวยที่เดินคล้องแขนภวัตมาอย่างสนิทสนม คนอื่นตื่นเต้นดีใจ ตรงข้ามกับพี่น้องสองสาวที่หมดความสุขทันที

แนนนี่หงุดหงิดเมื่อจำได้ว่าเธอคือบุษบา หน้าสวยๆ บึ้งดุตาวาวน่ากลัวอย่างโกรธจัด ส่วนดารกาเจ็บจี๊ดที่หัวใจ เธอรู้สึกเหมือนตัวกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่รุนแรงมากอยู่ในตัวเอง ดารกาพยายามข่มไว้อย่างสุดความสามารถ เธอถามภวัตถึงพวงกุญแจแทนใจของเธอ ภวัตตอบว่ายังอยู่ ทำให้ดารกาใจชื้นขึ้น ส่วนแนนนี่หงุดหงิดหวงภวัต หมั่นไส้ทั้งดารกา และ บุษบาที่วุ่นวายกับภวัตเหลือเกิน สาวน้อยจึงพึมพำร่ายคาถาขโมยพวงกุญแจรูปดารกาซึ่งเป็นของที่ระลึกแทนใจของ พี่สาวมาจากภวัต เธอทำหน้าเฉยมองชายหนุ่มที่ค้นกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงวุ่นวายไปหมดเพื่อหาพวงกุญแจมาให้ดารกาเห็นว่าเขาเก็บไว้อย่าง ดีจริงๆ ภวัตแปลกใจที่หาไม่เจอ ในเมื่อเขามั่นใจว่าเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายเขาต้องบอกดารกาว่าสงสัยเขาจะทำตกหายที่ไหนสักแห่ง เมื่อดารการู้ว่าภวัตทำพวงกุญแจหาย หญิงสาวกลับเสียใจมากขึ้นไปอีก เธอรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครสนใจ ห่วงใยเลยสักคน หน้าจ๋อยๆ ของดารกาทำให้ภวัตสงสารมาก เขานึกรู้ว่าคงเป็นฝีมือแนนนี่แต่ทำอะไรไม่ได้ เขาตั้งใจว่าต้องพูดกับแนนนี่ให้รู้เรื่องเสียที บุษบาแยกกลับไปกับ หมอไชย (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) พี่ชายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง บุษบาเองก็มีหุ้นอยู่มากเหมือนกัน สองพี่น้องเป็นผู้บริหารคนสำคัญของโรงพยาบาลแห่งนี้ บุษบาสวีทกับภวัตอย่างไม่เกรงใจใคร เมื่อกลับถึงบ้าน แนนนี่กลับไปที่ห้องส่วนตัว หยิบพวงกุญแจรูปดารกาออกมาโยนไว้บนโต๊ะเล็กหัวเตียงข้างตะเกียงแก้วใบน้อย อย่างหงุดหงิด เธอหมั่นไส้ทั้งดารกาและภวัตที่ใส่ใจกับพวงกุญแจนี้เหลือเกิน ทั้งที่แสนจะไร้สาระที่สุด ที่สำคัญทำไมภวัตไม่ยอมเข้าใจเสียทีว่าเขากับแนนนี่นั้นเกิดมาคู่กัน เธอไม่ยอมให้ภวัตเห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าเธอแน่ๆ แม่มดจอมแก่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนไม่ได้ยินเสียงดารกาที่เปิดประตูเข้ามาใน ห้อง แนนนี่ตกใจเมื่อเห็นพี่สาวเดินมาถึงตัว ส่วนดารกาเมื่อเห็นพวงกุญแจของเธอวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง หญิงสาวหยิบขึ้นมากำไว้แน่น พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองน้องสาวอย่างเสียใจที่สุด น้ำตากลบตา แม้จะสงสัยว่าแนนนี่เอามาได้อย่างไรแต่ก็ยังน้อยกว่าอารมณ์ตัดพ้อ น้อยใจ เสียใจ ส่วนแนนนี่แก้ตัวไม่ออกได้แต่เจ็บใจตัวเองที่ประมาทไม่ซ่อนพวงกุญแจให้เรียบ ร้อย ดารกากำพวงกุญแจไว้ในมือเดินออกไปจากห้องนั้นทันที เธอพบกับปัทมนที่หน้าห้องน้องสาว เพียงเห็นหน้าดารกา ปัทมนก็รู้ว่าแนนนี่ทำเรื่องอีกแล้ว เธอดึงลูกสาวที่น่าสงสารเข้ามากอด เท่านั้นเองดารกาก็หมดความอดทน เธอกอดมารดาแน่น ร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตาจะไหล ดารกาสะอื้นพลางเล่าทุกอย่างให้มารดาฟังจนหมด คืนนั้น ปัทมนจึงเรียกแนนนี่มาพบที่ห้องพระ อบรมสั่งสอนอยู่นาน และลงโทษด้วยการให้แนนนี่สวดมนตร์จากหนังสือสวดมนตร์จนจบเล่ม ดังนั้นกว่าแนนนี่จะได้ไปหาภวัตก็ดึกมากแล้ว เธอเสียใจที่ภวัตต่อว่าเรื่องพวงกุญแจของดารกาทันทีที่พบหน้า เขาไม่เปิดโอกาสให้แนนนี่พูดอะไรทั้งสิ้น แม่มดสาวน้อยจึงน้อยใจที่สุดเมื่อเข้าใจว่าเขาห่วงใยใส่ใจดารกามากกว่าเธอ แนนนี่มองเขาอย่างเจ็บช้ำใจที่สุด ก่อนจะหายตัวกลับไปในตะเกียงแก้ว ทิ้งภวัตให้มองตามอย่างเสียใจที่ดุเธอมากไปหน่อย แนนนี่เงียบหายไปจนภวัตเริ่มกังวล ทว่างอนได้ไม่กี่วัน สาวน้อยจอมแก่นก็ตามมาป่วนเขาอีกจนได้ แนนนี่ไม่เคยโกรธเขาได้เลยจริงๆ

ส่วนภวัตตัดสินใจไปทำงานกับหมอไชย เขามีความสุขกับการทำงาน แต่การที่บุษบาตามวุ่นวายกับเขาทำให้ภวัตอึดอัดใจ เขายอมรับว่าเคยคิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอให้มากกว่านี้ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะบุษบาไม่สามารถเข้ากับคนในครอบครัวเขาได้เลย ครอบครัวเขาที่หมายรวมถึง ปัทมนกับลูกๆ ด้วย ยิ่งนานวันบุษบาก็ยิ่งแสดงธาตุแท้ที่ร้ายกาจของเธอออกมา จนรัดเกล้าต้องมาออกปากกับเขา เธอเล่าว่าวันนี้ขณะที่ทุกคนสนุกสนานกับปาร์ตี้น้ำชา รัดเกล้าเห็นบุษบาทำกิริยาไม่น่าดู ทำท่ารังเกียจดูถูกดารกา ซ้ำร้ายยังพูดตอกย้ำเรื่องดารกาเป็นลูกที่แม่ไม่ต้องการ เป็นลูกสาวแม่ค้าขายปลากลางตลาด แม่ค้าที่โดนข่มขืนจนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง เมื่อคลอดจึงต้องทิ้งลูกซึ่งก็คือดารกานั่นเอง จนดารกาต้องร้องไห้ แม้กระทั่งแนนนี่ บุษบาก็ไม่ละเว้น รัดเกล้ามาถามภวัตให้แน่ใจว่าคิดจะให้บุษบามาเป็นพี่สะใภ้เธอหรือไม่ รัดเกล้ายิ้มได้เมื่อภวัตปฏิเสธว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับบุษบามากไปกว่าความ เป็นเพื่อน ภวัตไม่ได้บอกน้องสาวว่าคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจคือแนนนี่ สาวน้อยคนนี้ทำให้เขารักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่เขาต้องข่มใจไม่บอกให้เธอรู้ เขาจะรอจนกว่าเธอจะเรียนจบ ส่วนบุษบาความรักทำให้ตาบอด เธอรักภวัตมากเหลือเกิน บุษบาเกลียดทั้งดารกาและแนนนี่น้องสาวร่วมโลกของเขามาก ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าสองสาวนั่นรู้สึกอย่างไรกับภวัต เธอจะต้องหาทางกำจัดสองคนนั่นให้ได้

วันหนึ่ง บุษบามาที่บ้านภวัต ขณะที่กำลังกินสปาเกตตีเป็นอาหารกลางวันกัน แนนนี่ซึ่งเลิกเรียนกลับมาพอดี เข้ามาขอร่วมโต๊ะด้วย บุษบาไม่พอใจมาก เธอทักทายแนนนี่อย่างอ่อนหวาน หยิกแกมหยอก แต่เชือดเฉือนร้ายลึก จนแนนนี่ทนไม่ไหว เธอโต้ตอบด้วยการเสกให้เส้นสปาเกตตีในปากบุษบาดิ้นกระดุบกระดิบ จนเธอต้องคายออกมา ให้บุษบาตาฝาดเห็นสปาเกตตีเป็นหนอนดิ้นยั้วเยี้ยหลุดออกมาจากปาก เส้นสปาเกตตีในจานกลายเป็นหนอนดิ้นกระดุบกระดิบน่าคลื่นไส้ แนนนี่อมยิ้มเมื่อบุษบากรีดร้องโวยวาย วิ่งหนีกลับไปที่รถขับออกไปทันที เด็กสาวหมดสนุกเมื่อหันมาเห็นภวัตกำลังมองเธอดุๆ วันนั้น ภวัตอบรมแนนนี่มากมายและให้เธอสัญญาว่าจะไม่ใช้เวทมนตร์แกล้งใครอีก บุษบาหายไปหลายวัน ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขมากขึ้นโดยเฉพาะแนนนี่ บ่ายวันหนึ่ง ภวัตกับแนนนี่ออกไปซื้อของด้วยกัน ชายหนุ่มซื้อเสื้อผ้าใหม่หลายชุด แนนนี่ช่วยเขาเลือกอย่างตั้งใจ ภวัตยอมรับว่าเธอมีรสนิยมดีและเลือกได้ถูกใจเขามาก ขณะที่แนนนี่ชวนภวัตดูต้นคริสต์มาสต์ต้นใหญ่ที่ประดับไฟระยิบตั้งอยู่ที่โถง ใหญ่กลางห้างสรรพสินค้าหรู ที่ระเบียงชั้นบนสุดเด็กชายคนหนึ่งปีนขอบระเบียงออกมาเพื่อหยิบดาวบนยอด ต้นไม้จนพลัดตกลงมา เสียงกรีดร้องดังลั่นจากคนที่พบเห็น ทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่เมื่อแนนนี่ร่ายเวทมนตร์ให้เด็กน้อยลอยกลับไป อยู่บนระเบียงลึกเข้าไปอย่างปลอดภัย เมื่อทุกอย่างกลับสู่ปกติ ภวัตเห็นมารดาของเด็กคว้าลูกชายอุ้มไว้อย่างปลอดภัย ก็รู้ว่าเป็นฝีมือแนนนี่ เด็กสาวพึมพำขอโทษที่ผิดสัญญา แต่ภวัตกลับบอกว่า ใช้เวทมนตร์ช่วยคนอย่างนี้ไม่เป็นไร เขายิ้มให้เธอแล้วจูงมือแนนนี่ชวนไปร้านอาหารอร่อยในห้างนั้น บังเอิญว่าหมอไชยกับบุษบาอยู่ที่นั่นด้วย หมอไชยชวนร่วมโต๊ะด้วย แนนนี่หมดสนุกทันที ส่วนบุษบายิ่งเกลียดแนนนี่มากขึ้นไปอีก ภาพที่ภวัตเดินจูงมือแนนนี่ทำให้เธอแค้นจนสุดจะแค้น ขณะที่หมอไชยกับ ภวัต คุยเรื่องงานอย่างสนุกสนาน สองสาวกลับปะทะคารมเชือดเฉือนว่าใครกันแน่ที่“เป็นคนพิเศษ”ของภวัต แนนนี่หน้ามุ่ยเมื่อบุษบากระซิบว่า ที่อเมริกาภวัตไม่ได้เพียงจับมือเธอเหมือนพี่ชายจูงน้องสาวอย่างเมื่อครู่ หรอก แต่เขากับเธอทำมากกว่านั้น คือทั้งกอดและก็จูบ อาหารมื้อนั้นไม่อร่อยที่สุดในความรู้สึกของแนนนี่ โชคดีที่หมอไชยชวนบุษบากลับไปประชุมที่โรงพยาบาลก่อนที่แนนนี่จะทนข่มใจไม่ ไหว สองพี่น้องแยกไปแล้ว ภวัตแปลกใจที่แนนนี่บ่นอยากกลับบ้าน

คืนนั้น ขณะที่ภวัตนั่งหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตอยู่เพลินๆ แนนนี่ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอมาถามเขาเรื่องบุษบา อยากจะรู้ให้ได้ว่าเขาเคยจูบบุษบาหรือไม่ พูดไปพูดมา แนนนี่ก็พาล เธอขอให้เขาจูบเธอบ้าง บอกซื่อๆ ว่าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ภวัตพยายามบ่ายเบี่ยง เขาอยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่แนนนี่ไม่ยอม สาวน้อยจอมแก่นบอกว่า ถ้าเขาไม่จูบเธอ พรุ่งนี้แนนนี่จะไปที่มหาวิทยาลัย จะไปถามเพื่อนผู้ชายและจะให้พวกนั้นจูบเธอแทนซึ่งภวัตยอมไม่ได้เด็ดขาด เขาดึงมือแนนนี่ให้มายืนใกล้ๆ ก่อนจะก้มหน้าจูบเธอเบาๆ ที่ริมฝีปาก สัมผัสนั้นแผ่วเบาราวขนนกแต่ก็ทำให้เขาและเธอหน้าแดงร้อนวูบไปทั้งตัว ภวัตไล้แก้มแนนนี่เบาๆ พูดเสียงเข้มห้ามแนนนี่ไปทำอย่างนี้กับผู้ชายอื่นเด็ดขาด แนนนี่รับปากอายๆ แล้วหายตัวไป ภวัตถอนใจยาวเขาต้องพยายามอดทนข่มใจให้มากกว่านี้ ต้องรอจนกว่ายัยจอมแก่นนี่จะเรียนจบ เขาจึงจะบอกเธอได้ว่าเขาพร้อมจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต ตลอดเวลานั้นทั้งภวัต และแนนนี่ไม่รู้ว่าทาฮิร่ามาแอบดูอยู่ด้วย นางพร้อมจะจัดการภวัตถ้าเขาล่วงเกินแนนนี่มากไปกว่านี้ นางหายตัวตามแนนนี่ไปที่ตะเกียงแก้ว ตามไปอบรมหลานสาวจอมแก่นแสนซนอีกนาน หลังจากวันนั้น บุษบาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะกำจัดมารหัวใจทั้งดารกาและแนนนี่ วันหนึ่งขณะที่ดารกากำลังจะกลับบ้าน เธอถูกชายลึกลับสามคนจับตัวไปที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง บุษบาจ้างชายโฉดพวกนี้ให้ทำร้ายเธอ พวกมันพยายามจะข่มขืนดารกา หญิงสาวดิ้นรนหนีสุดชีวิต ด้วยความกลัวและอารมณ์ เคียดแค้นที่เก็บกดมานาน ทำให้พลังร้ายในตัวดารกาปรากฏขึ้นมา เธอกรีดร้องดังลั่นเสียงนั้นทำให้ทุกอย่างสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว ลมพายุพัดหมุนแรงรอบตัวดารกา ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่ง แววตาที่มองออกมาเกรี้ยวกราดราวกับจะลุกเป็นไฟ สาวสวยหน้าหวาน บอบบางกลายเป็นปีศาจร้ายน่ากลัว ชายทั้งสามตกใจแทบสิ้นสติ วิ่งหนีลนลานไปคนละทิศละทาง เมื่อทุกอย่างสงบลง ดารกากลับบ้านอย่างอ่อนเพลีย เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลึกๆ แล้วรู้สึกดีใจที่เธอมีพลังพร้อมที่จะจัดการคนที่ทำร้ายเธอได้แล้ว เมื่อครั้งแรกทำไม่สำเร็จ บุษบาไม่ละความพยายาม ส่งชายโฉดไปอีกหลายคนมากกว่าเดิมเพื่อทำลายดารกา ให้เธอมีมลทินให้ได้ ภวัตจะได้เลิกสนใจดารกาเสียที

ในวันเกิดเหตุ ดารกาถูกจับตัวไปอีกครั้ง คราวนี้กลุ่มคนร้ายกักขฬะต่ำทรามมากกว่าเดิม เธอถูกพวกมันจับตัวไว้แน่น เสื้อผ้า
โดนกระชากขาดวิ่น บุษบาซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยมองอย่างสะใจ เธออยากจะเห็นดารกามารหัวใจของเธอโดนทำลายต่อหน้าต่อตา เมื่อเหตุการณ์วิกฤต ดารกาดึงพลังในตัวเธอออกมาจนได้ กลุ่มชายชั่วผงะเมื่อแววตาสาวน้อยเปลี่ยนเป็นประกายตาของปีศาจ แววตาเปล่งประกายเขียวเรืองแสงน่ากลัว ดารกาสะบัดแขนเบาๆ กลุ่มชายโฉดที่จับตัวเธอก็กระเด็นไปคนละทิศละทาง หญิงสาวโบกมือไปมา กรีดเสียงร้องอย่างดุร้ายน่ากลัว ลมพายุหมุนแรง บ้านร้างถล่มลงทับคนร้ายตายหมด บุษบาหาที่ซ่อนรอดตายหวุดหวิดแต่ก็หนีไม่ทัน ดารกาดักรออยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าบุษบาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เธอจึงแก้แค้นอย่างสาสม บุษบาจึงตายอย่างทรมาน เหตุการณ์ทั้งสองครั้งทำให้พลังของดารกามีมากขึ้น เมื่อบุษบาตายอย่างผิดปกติ ภวัตเข้าใจว่าเป็นฝีมือแนนนี่ รวมถึงปัทมนด้วย แนนนี่โดนต่อว่ามากมาย แต่การที่ภวัตหมางเมินเย็นชากับเธอกลับทำให้แนนนี่เสียใจที่สุด ประกอบกับทาฮิร่าเองก็หายไป แนนนี่ตัดสินใจไปหายายที่ดินแดนเวทมนตร์ แต่คราวนี้ แนนนี่ไม่โชคดีอย่างครั้งที่แล้ว สาวน้อยถูกจับตัวจนได้ เธอถูกพันธนาการแน่นหนาและทำให้ ทาฮิร่าเดือดร้อนไปด้วย แนนนี่พยายามร่ายคาถาหลบหนี แต่บนดินแดนแห่งนี้คาถาของเธอแทบไม่มีผลอะไรเลย ทางโลกมนุษย์ทุกคนร้อนใจที่แนนนี่หายไป โดยเฉพาะภวัต ที่เพิ่งรู้แน่แก่ใจว่าเขารักแนนนี่มากแค่ไหน ภวัตเจ็บปวดทรมานเมื่อติดต่อแนนนี่ไม่ได้ เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอยจริงๆ ส่วนทาฮิร่าแอบมาบอกปัทมนว่าแนนนี่ถูกจับตัวไว้ที่ดินแดนเวทมนตร์ และถูกตัดสินให้ถูกกำจัดเพราะเป็นอสูร ปัทมนใจจะขาดเธอได้แต่บอกทาฮิร่าว่า แนนนี่ไม่ใช่อสูรอย่างแน่นอน การหายตัวไปของแนนนี่ทำให้ดารกามีความสุข เธอฉวยโอกาสเข้าไปในห้องน้องสาว หยิบตะเกียงแก้วใบสวยขึ้นมาชื่นชมอย่างพอใจ เพียงคิดว่าอยากเข้าไปในตะเกียงแก้ว ดารกาก็ได้เข้าไปสมใจ บรรยากาศในนั้นสวยงามน่าอยู่มาก ของส่วนตัวของแนนนี่ที่วางไว้ทำให้ดารการู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของแนนนี่ ในเวลาเดียวกัน ทาฮิร่ากับแนนนี่พยายามหาทางหนีให้ได้ สองพลังแม่มดทำให้เครื่องพันธนาการของแนนนี่หลุดออก แม่มดน้อยหนีกลับมาโลกมนุษย์ได้อย่างหวุดหวิด เด็กสาวกลับไปที่ห้องนอน สัมผัสพิเศษทำให้รู้ว่าดารกาอยู่ในตะเกียงแก้ว แนนนี่หยิบตะเกียงเขย่าอย่างแรงจนดารกาอยู่ไม่ได้ ต้องปรากฏตัวออก ต่างฝ่ายยืนเผชิญหน้ากันด้วยตัวตนที่แท้จริง แววตาดารกาเปล่งประกายเขียวเรือง เธอได้โอกาสกำจัดแนนนี่แล้ว เมื่อไม่มีแนนนี่ภวัตก็จะรักเธอคนเดียว สองสาวต่อสู้กันดุเดือด

แนนนี่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเพราะร่างกายอ่อนเพลียจากดินแดนเวทมนตร์ ดารกาบังคับให้ร่างแนนนี่ลอยขึ้นออกไปทางหน้าต่าง เธอพูดอย่างสะใจว่าแนนนี่ต้องตายอย่างน่าอนาถเหมือนบุษบา ตายเหมือนเป็นอุบัติเหตุ แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะดารกา แนนนี่พยายามขืนตัวไว้ แต่ก็ยากเต็มที ดารกาฆ่าคนตายไปหลายคนทำให้พลังอสูรในตัวเธอแข็งแกร่งมากขึ้น ก่อนที่แนนนี่จะตกลงไปทางหน้าต่าง ภวัตเข้ามาช่วยไว้ทันเวลา เขาดึงแนนนี่กลับเข้ามาจนได้ ชายหนุ่มกอดเธอไว้อย่างแสนรัก ภาพนั้นทำให้ดารกาแค้นมากขึ้นไปอีก เธอพยายามจะทำร้ายแนนนี่ให้ได้ แต่ภวัตหมุนตัวออกมาบังแนนนี่ไว้ เขาสบตาเขียวเรืองคลั่งแค้นของดารกาอย่างไม่กลัว พูดชัดเจนว่าถ้าดารกาจะฆ่าแนนนี่ก็ต้องฆ่าเขาก่อน เพราะเขาจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายแนนนี่เด็ดขาด ดารกากรีดเสียงร้องอย่างโกรธแค้น เธอหายตัวไปที่ดินแดนเวทมนตร์ทันที อสูรร้ายในร่างดารกาทำลายดินแดนเวทมนต์อย่างบ้าคลั่ง การปรากฏตัวของเธอทำให้ผู้นำแม่มดและคนอื่นๆ รู้ว่าใครคืออสูรร้ายตัวจริง ส่วนแนนนี่รีบตามดารกามาเพื่อขัดขวางเธอโดยมีภวัตตามมาด้วย แนนนี่สู้กับดารกาอย่างไม่กลัว ทั้งคู่เก่งพอๆ กัน ดินแดนเวทมนตร์โดนดารกาทำลายเสียหายมาก แผ่นดินแตกแยกเป็นรอยลึกอย่างน่ากลัว ทาฮิร่าได้แต่เฝ้ามองอย่างเป็นห่วง ผู้นำแม่มดเข้ามาบอกว่า ที่จริงแล้วแนนนี่เกิดมาเพื่อกำจัดอสูรร้าย แต่เป็นเพราะเกิดในวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน ทำให้เข้าใจผิด แนนนี่จะกำจัดดารกาได้แต่ก็ต้องตายไปพร้อมกัน ทาฮิร่ากับภวัตใจหาย หาทางช่วยแนนนี่แต่ก็ยากเต็มที เมื่อถึงเวลาที่ชะตากำหนด แนนนี่รู้หน้าที่ว่าจะกำจัดอสูรร้ายตนนี้อย่างไร แม่มดน้อยแนนนี่ส่งกระแสจิตบอกทาฮิร่าว่า เธอรักนางมาก และสำหรับภวัต เธอรักเขาและจะรักเขาคนเดียวตลอดไป แนนนี่กระซิบลาทุกคน ก่อนจะคว้าแขนดารกาจับไว้แน่น พูดเสียงเข้มให้มาด้วยกัน เธอดึงร่างดารกาหายลงไปในรอยแยกของแผ่นดินด้วยกัน แนนนี่จะฝังร่างเธอกับดารกาลงใต้พื้นปฐพีลงไปให้ลึกที่สุด ร่างของสองสาวดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งลงลึก ดารกาก็ยิ่งหมดแรง รวมถึงแนนนี่ด้วย ในช่วงเวลาเดียวกัน ปัทมนที่นั่งสวดมนตร์อยู่ในห้องพระ เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากสมาธิ เธอพยายามเตือนสติดารกาให้หยุดทำบาป ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงสวดมนตร์ของปัทมนทำให้สองสาวชะงัก แนนนี่กระซิบลาปัทมนก่อนจะลาก ดารกาดิ่งลงไปอีก อสูรร้ายดารกาต้องถูกกำจัด ตรงข้ามกับดารกาที่กระแสบุญของปัทมนทำให้เธอรู้สึกตัวได้สำนึกในความผิด ดารการวบรวมพลังครั้งสุดท้ายสะบัดแขนหลุดจากแนนนี่ เธอผลักน้องสาวจนสุดกำลังให้ลอยกลับขึ้นไป ร่างของสองสาวแยกจากกัน แนนนี่ลอยสูง
ขึ้น ส่วนดารกากลับดิ่งลึกลงอย่างรวดเร็ว เธอตะโกนบอกแนนนี่ให้ช่วยดูแลทุกคนโดยเฉพาะปัทมนและภวัต ทันทีที่ร่างแนนนี่ลอยพ้นรอยแยกของแผ่นดิน ผู้นำแม่มดและคนอื่นๆ ช่วยกันร่ายมนตร์จนผืนแผ่นดินกลับสมานกันสนิทเป็นดินผืนเดียวกันเหมือนเดิม อสูรร้ายดารกาถูกฝังจนไม่มีทางจะกลับมาทำร้ายใครได้อีก ต่อไป ทาฮิร่ากลายเป็นแม่มดคนดัง เป็นวีรสตรีแม่มดที่ปกป้องเลี้ยงดูผู้กำจัดอสูร ซึ่งก็คือแนนนี่จนโต เพราะถ้าทาฮิร่ากำจัดทารกน้อยแนนนี่ตั้งแต่พบตัว ดินแดนเวทมนตร์ต้องถูกทำลายจนหมดแน่นอน แนนนี่กับภวัตกลับมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์เหมือนเดิม เมื่อใครถามหาดารกาว่าหายไปไหน ปัทมนจำต้องบอกทุกคนว่า ดารกาไปเรียนต่อต่างประเทศ เมื่อรัดเกล้าเรียนจบมาทำงานที่บริษัทของปัทมน ซึ่งธานีเข้ามาช่วยบริหารงาน รัดเกล้ากับธานีเป็นคู่กัดที่น่ารักในสายตาของปัทมนและจักรวาล และคู่กัดก็กลายมาเป็นคู่รักจนได้ ธานีหมั้นกับรัดเกล้า ส่วนภวัตรอเวลาที่แนนนี่จะเรียนจบ แล้วจะหมั้นกับเธอเป็นคู่ต่อไป ทาฮิร่าได้แต่ปลื้มใจที่หลานสาวจะมีความสุข ภวัต กับ แนนนี่เกิดมาคู่กันจริงๆ เมื่อหมดกังวลในเรื่อง แนนนี่ ทาฮิร่าจึงออกไปเที่ยวรอบจักรวาล โดยมี บาบาร่าและไทเกอร์ตามไปด้วย

เรื่องย่อสามหนุ่มเนื้อทอง

เรื่องย่อสามหนุ่มเนื้อทอง

กริชชัย หนุ่มเนี้ยบกริบ ผู้ยึดมั่นในความรัก แม้งานที่บริษัทนำเข้ารถจากต่างประเทศทำให้เขาต้องพัวพันกับเหล่าพริตตี้หน้าใสวัยกรุบกรอบ แต่กริชชัยไม่เคยหวั่นใจ ยังคงทุ่มเทหัวใจทั้งสี่ห้องยันเส้นเลือดใหญ่ ตับ ไต ไส้พุงให้ อรุณศรี พีอาร์สาวสวยเก๋ หัวหน้าฝ่ายฝึกอบรมพนักงานขายพิเศษ (พริตตี้) กริชชัยหลงรักอรุณศรีตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาทำงาน สามปีที่เขาเฝ้ามองราวกับมดแดงแฝงพวงมะม่วง ได้แต่มองแต่ไม่กล้าจีบ กริชชัยมีความเชื่อว่ารักแท้ แม้จะต้องรอก็ยอม

ด้วยความเป็นคนขี้เขินเกิดมาไม่เคยจีบหญิงทำให้กริชชัยทำตัวไม่ถูกทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้อรุณศรี เขาจึงบิดเบือนความรู้สึกด้วยการแกล้งทำขรึม เพื่อกลบเกลื่อนความตื่นเต้น แต่ยังคอยลอบมองเธอทุกครั้งที่มีโอกาส และต้องหลบตาทุกครั้งที่โดนจับได้ (..กรรม)

สำหรับอรุณศรีแววตาของกริชชัยตอนแอบมองเธอด้วยความเสน่หา กลับกลายเป็นสายตาแห่งการจ้องจับผิด ยิ่งเขาทำขรึมใส่ เธอยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าเธอ ความเนี้ยบเฮี้ยบของกริชชัยทำให้เธอแอบคิดว่าเขาไม่แมน ต้องมีอาการแอบแอ๊บซ่อนอยู่อย่างแน่นอน เพื่อนร่วมงานบางคนจะคอยแซวว่ากริชชัยแอบสนใจเธออยู่ แต่อรุณศรีเถียงหัวชนกำแพงว่าเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ถึงแม้ภายนอกเธอจะแลดูเป็นสาวมั่น ไม่แคร์ใคร แต่ในความเป็นจริงกลับตรงข้ามอย่างสุดขีด อรุณศรีเป็นคนรักนวลสงวนตัว และเจียมตัว เธอไม่อาจเอื้อมคิดว่าบอสหล่อสุดเท่ที่สาวแก่ แม่หม้าย เก้ง กวาง บ่าง ชะนี ต่างหมายตากันทั้งบริษัท จะคอยลอบมองเธอด้วยความรัก แต่เขาจับตามองเธอเพราะไม่ไว้วางใจ และไม่ชอบขี้หน้า และอาจจะร้ายแรงถึงขั้นอยากไล่ออก อรุณศรีจึงพยายามถอยห่างจากกริชชัยให้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ อีกทั้งเธอยังมี ปรานต์ แฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปรานต์เป็นคนกะล่อน อารมณ์ร้อน ปากหวาน และชอบทำตัวให้น่าสงสารเพราะรู้ว่าเป็นจุดอ่อนที่ทำให้อรุณศรีไม่กล้าเลิก

อาการเย็นชาห่างเหินของอรุณศรีทำให้กริชชัยสุดกลุ้ม เพราะปักใจว่าเธอไม่มีใจให้อย่างแน่นอน แถมยังรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว กริชชัยยิ่งเศร้า พยายามจะหักห้ามใจให้เลิกรัก แต่ปักใจแล้วถอนยังไงก็ไม่ขึ้น ต้องทนเฝ้าเก็บความรักไว้ให้มิดชิด

ความรักสุดสวยงามของกริชชัย เป็นเรื่องตลกของ ธีธัช เพื่อนซี้สุดกะล่อน ธีธัชไม่ศรัทธาในความรัก เขาตักตวงความสุขจากความรักของหญิงสาวที่หน้ามืดตามัวหลงรักเขา ธีธัชเป็นคนหน้าตาดี มีความมั่นใจในความหล่อของตัวเองอย่างแรง เขารู้จักผู้หญิงดีพอ ๆ กับรู้จักตัวเอง ถ้าคิดจะจีบใครไม่มีรอด ธีธัชมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่เข้ามาไม่เคยหยุดหย่อน แต่ กรกนก เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เขาใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด เธอคือคนที่เฉียดเข้าใกล้คำว่าแฟน แต่ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี

ธีธัชไม่เคยคิดจะหยุด ในชีวิตสะกดคำนี้ไม่เป็น แต่แล้วหัวใจของหนุ่มแสนมั่นก็อันต้องสั่นไหว เมื่อเขาได้เจอกับ ลำเภา สัตวแพทย์สาว ลูกพี่ลูกน้องของกริชชัย ลำเภาเป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าแปลก อาจจะเป็นเพราะเธออยู่กับหมา กับแมวมากเกินไป ทำให้มีความคิดประหลาด ๆ ต่างไปจากคนปกติ ลำเภาไม่เคยมีแฟน และไม่เคยคิดจะมี จนกระทั่งได้มาเจอกับธีธัช หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เธอเผลอไปฟาดหัวเขาจนแตกต้องเย็บสิบกว่าเข็มตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ธีธัชแค้นฝังใจ และขัดใจกับอาการกวนประสาทของเด็กหน้าตาไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เขาประกาศก้องว่าลำเภาคือผู้หญิงคนเดียวบน โลกที่เขาไม่คิดจะจีบ และไม่คิดจะมีความสัมพันธ์ด้วย ถ้าโลกนี้เหลือเธอคนเดียว เขายอมกัดลิ้นตาย แถมยังฟันธงว่า หน้าอย่างลำเภาไม่มีทางหาแฟนได้เด็ดขาด

ด้วยความเป็นคนเจ้าทิฐิ ฆ่าได้หยามไม่ได้ ทำให้ลำเภาสุดเดือดกับคำสบประมาทสุดหยาบคายของธีธัช เธอตอบโต้ด้วยการประกาศว่า เธอจะทำให้ธีธัชมาเป็นแฟนเธอให้ได้ และเขาจะต้องขอเธอแต่งงาน ! ธีธัชถึงกับอึ้ง เพราะคิดไม่ถึงว่าลำเภาจะเพี้ยนได้ถึงขนาดนี้ แต่เขาก็ยังมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าชาตินี้ไม่มีใครจับเขาได้แน่นอน ยิ่งเรื่องแต่งงาน..ฝันไปเถอะ!!

ในขณะที่ธีธัชกำลังมั่นใจว่าชีวิตนี้ปลอดการแต่งงานร้อยเปอร์เซนต์ วัชระ เพื่อนซี้สุดห้าว ตำรวจไทย ใจกล้าหาญ กำลังกลุ้มใจอย่างสุด ๆ กับการเตรียมงานแต่งงานกับ เนตรนภัส แฟนสาวที่คบกันมานานกว่า 5 ปี วัชระไม่ปฎิเสธการแต่งงาน แต่เนตรนภัสทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษ และกำลังถูกยัดเข้าห้องขังที่เรือนจำแห่งการแต่งงาน ความรักที่เขาเคยมีให้เธอค่อย ๆ ถูกความคาดหวัง และการบีบบังคับจนเกินงาม ทำลายลงไปทีน้อย..ทีละน้อย จนมันแทบจะไม่เหลือในหัวใจ

วัชระปวดกบาลกับการเตรียมงานแต่งงานยังไม่พอ เขายังปวดกบาลเพิ่มขึ้นเมื่อได้เจอกับ สุพรรณิการ์ สาวสวยเก๋ไก๋ ความคิดฉีกกรอบกุลสตรีไทยทุกตำรา ใช้ชีวิตราวกับหลุดออกมาจากโลกอนาคต สุพรรณิการ์เป็นเพื่อนซี้สุดซ่าส์ของอรุณศรี

ครั้งแรกที่วัชระและสุพรรณิการ์เจอกัน ทั้งสองคนก็ฟาดฝีปากใส่กันอย่างเมามัน ด้วยความเป็นคนไม่ยอมคนทั้งคู่ อุบัติเหตุบนท้องถนนที่สุดแสนจะเล็กน้อย กลายเป็นเรื่องใหญ่ เกือบจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลประหารชีวิต ทั้งสองคนถึงกับสาปส่งขออย่าให้ได้เจอะได้เจอกันอีกเลย แต่สุดท้ายพรหมลิขิตก็พลิกพัน เพราะกริชชัยมีห้องพักสุดหรูอยู่คอนโดเดียวกับสุพรรณิการ์ และเขาทั้งสามซี้กำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ทำให้วัชระและสุพรรณิการ์ต้องเจอหน้ากันอยู่ร่ำไป แต่คนที่ซวยที่สุดเห็นจะเป็นกริชชัยเพราะเพื่อนตัวดี ดันไปมีเรื่องกับ เพื่อนสนิทของอรุณศรี กริชชัยแทบจะตัดวัชระออกจากความเป็นเพื่อน (แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี..) เรื่องราวอลวนสุดแสนจะวุ่นวายราวกับใยแมงมุมก็เริ่มต้นขึ้น และทวีความรุนแรงจนแทบจะไม่มีเวลาหยุดหายใจ

กริชชัยได้มีโอกาสเจอกับปรานต์ และเห็นความไม่คู่ควร ทำให้เขาสงสารอรุณศรี บวกกับแรงยุของลำเภา และสองหนุ่มเพื่อนซี้ ทำให้กริชชัยค่อย ๆ เปิดความรู้สึกของตัวเองออกมา กล้าออกปากไปส่งเธอถึงที่บ้าน สร้างความประหลาดใจให้ โอบบุญ พี่ชายจอมกวนของอรุณศรี ถึงเธอจะทำเป็นพูดว่าไม่มีอะไร แค่เจ้านายมาส่งเพราะความจำเป็น แต่ลึก ๆ ในใจ อรุณศรีเองก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับอาการห่วงใยของกริชชัยอยู่ดี

สุพรรณิการ์ได้มีโอกาสเจอหน้ากริชชัย ถึงจะประหลาดใจที่เป็นเพื่อนของนายวัชระจอมกวน แต่เธอกลับรู้สึกถูกชะตามากกว่าไอ้นายปรานต์ แฟนจอมสถุนของเพื่อนสาว สุพรรณิการ์พยายามยุให้อรุณศรีจับกริชชัย เพราะเธอมองแว่บเดียวก็รู้ว่าเขามีใจ แต่อรุณศรียังใจแข็ง ทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่ยอมรับความจริงอยู่ดี

ทางด้านธีธัชก็ต้องเจอศึกหนัก เพราะลำเภาสุดก๋ากั่น ดันเริ่มแผนการณ์เขาเป็นแฟนฉัน โดยออกโรงเมโมกับคนรอบข้างทุกคนที่รู้จักธีธัชว่าเขาเป็นแฟนเธอ เป็นการดัดหลัง ความปากมอม ลำเภาบุกไปหาธีธัชถึงที่พัก แต่ดันไปเจอกับกรกนก .. ทั้งสองคนปะหน้ากัน กรกนกบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับเด็กคนนี้ ถึงแม้ลำเภาจะประกาศต่อหน้าว่า..ธีธัชเป็นแฟนของเธอ แต่กรกนกกลับไม่โกรธ จะเอนเอียงไปทางประหลาดใจในความเพี้ยนมากกว่า แต่ถึงแม้เธอจะทำเป็นไม่คิดมาก..ลึก ๆ กรกนกกลับรู้สึกถึงความพิเศษบางอย่างของลำเภา เธอแอบคิดในใจว่า สุดท้ายแล้วเด็กคนนี้อาจจะเป็นคนที่ทำให้ธีธัชอยากจะหยุดกับใครสักคน

ธีธัชถึงกับหัวเราะท้องแข็งและไม่เชื่อในความคิดของกรกนก ธีธัชนั่งยัน นอนยัน โก้งโค้งยัน เขาไม่มีทางหลวมตัวไปเป็นแฟนกับเด็กเพี้ยนคนนี้แน่ ๆ แต่คำยืนยันอันแข็งขันกลับไม่ทำให้กรกนกอุ่นใจแม้แต่น้อย ท่ามกลางความคึกคะนองของธีธัช ทางด้านวัชระกลับตกอยู่ในภาวะที่อึมครึม หม่นหมอง แม้แต่ในวันถ่ายภาพแต่งงานเพื่อทำการ์ด เขายังทำหน้าเหมือนกำลังจะโดนเชือด ทำให้เนตรนภัสระเบิดวี๊ดบึ้มออกมาด้วยความไม่ได้ดั่งใจ ตั้งแต่ได้ฤกษ์แต่งงานเขาและเนตรนภัสมีเรื่องต้องทะเลาะกันทุกวัน วันละหลายเวลา ถี่ยิ่งกว่ากินข้าว วัชระสุดจะเบื่อกับการเตรียมการแต่งงาน และเหลือทนกับพฤติกรรมยิ่งกว่าอาร์ตตัวเป้งของเนตรนภัส แต่เนตรนภัสกลับรู้สึกว่าเธอไม่ได้ทำอะไรมากมายแค่เป็นหญิงสาวธรรมดาที่คาดหวังกับการแต่งงานอย่างสุดโต่ง

ยิ่งวัชระเบื่อแฟนสาวมากเท่าไหร่ เขายิ่งมีความสุขกับการได้ปะทะคารมกับสุพรรณิการ์มากเท่านั้น มันเหมือนการบำบัดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะตอนที่เขาต้องเข้ามาตกแต่งห้องกริชชัยในตอนกลางวัน ทุกครั้งที่เขาต้องเจาะกำแพง สุพรรณิการ์จะต้องออกมาด่า เพราะเสียงสว่านขัดขวางการนอนอย่างแรง วัชระสวนกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า และไม่หยุดส่งเสียงรบกวน ด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่ผิดกฎหมาย ทำให้สุพรรณิการ์สุดแค้น ต้องแก้เผ็ดทุกครั้ง การปะทะแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันโดยไม่รู้ตัว ถ้าวันไหนสุพรรณิการ์ไม่ได้ยินเสียงเจาะสว่าน และรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ

ในขณะที่ความผูกพันของสุพรรณิการ์และวัชระค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางเสียงเจาะกำแพง ความสัมพันธ์ของอรุณศรีกับแฟนหนุ่ม เริ่มมีลิ่มปัญหาตอกเข้ามาอย่างแรง เมื่อปรานต์ออกปากยืมเงินเธอ 500,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนร้านเครื่องเสียงกับเพื่อน ถ้าไม่มีเงินก้อนนี้ร้านต้องเจ๊ง เงินหลายล้านที่ลงไปเป็นอันดับสูญ อรุณศรีสงสารแต่ตัวเธอเองไม่มีเงิน เมื่อปฎิเสธปรานต์ก็ทำฉุนเฉียวใส่ จนโอบบุญต้องเข้ามาช่วยหลายครั้ง แต่ครั้งที่รุนแรงที่สุด คนที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์กลับเป็นกริชชัย เขาทนเห็นอรุณศรีโดนรังแกไม่ได้ ปรานต์แปลกใจอย่างแรงที่มีผู้ชายเข้ามาพัวพันกับแฟนสาวโดยที่เขาไม่รู้มาก่อน

กริชชัยพยายามช่วยอรุณศรีโดยไม่ใช้ความรุนแรง แต่ปรานต์ไม่ยอม ทำกร่างใส่ กริชชัยถึงทางตันกำลังจะใช้กำลัง โอบบุญกลับมาพอดี เข้ามาขวางไว้ได้ทัน และไล่ปรานต์กลับไป ปรานต์สุดแค้นและชอคอย่างแรงที่ของตายอย่างอรุณศรีเริ่มมีทางเลือก ปรานต์รีบสืบจนรู้ว่ากริชชัยคือคู่แข่งที่สุดแสนจะน่ากลัว ทั้งหล่อ ทั้งรวย และโสดสนิท จากโปรไฟล์สุดหรูของกริชชัยทำให้ดีกรีความหึงของปรานต์ทะลุทะลวงถึงขีดสุด

หลังจากปรานต์กลับไปแล้วอรุณศรีขอบคุณกริชชัย และเริ่มเห็นความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ความอบอุ่นของเขาทำให้เธอกล้าเล่าปัญหาเรื่องเงินของปรานต์ กริชชัยเอ่ยปากให้เธอยืมเงิน ถ้าเธอต้องการช่วยแฟนจริง ๆ ข้อเสนอของกริชชัยทำเอาอรุณศรีอึ้ง และเริ่มสับสนกับความดีที่เธอเองยังคิดไม่ถึง

ถึงแม้สุพรรณิการ์จะเป็นคนแรกที่รู้เรื่องปรานต์ยืมเงิน แต่เธอนับถือน้ำใจของกริชชัย และยิ่งยุให้เพื่อนซี้รับ รักซักที แต่อรุณศรียังแย้งอย่างหนักแน่นว่าเขาคงไม่ได้คิดจะจริงจังกับเธอ ถึงจะดูไม่ออกว่าเขาทำดีเพื่ออะไร แต่เธอมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะรัก

ต่างกับลำเภาถึงแม้ธีธัชจะปฏิเสธหนักแน่น และย้ำหนักย้ำหนาว่าเขาไม่ได้คิดจะเป็นแฟนด้วย แต่เธอกลับแบกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม และยัดเหยียดตำแหน่งแฟนให้เขาอย่างหน้าตาเฉย จนบางครั้งธีธัชก็เกือบเคลิ้ม ๆ ไปกับความน่ารักแบบเพี้ยน ๆ แต่ก็ต้องดึงใจกลับมาเพราะไม่อยากเสียฟอร์ม

แต่มันสายเกินไป เพราะกรกนกสังเกตเห็นความรู้สึกนั้นของธีธัช ถึงแม้มันจะไม่ชัด แต่เธอก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่ความเบื่อ รำคาญอย่างที่เขาพยายามจะทำ ความน่ารัก สดใส ตรงไปตรงมา ของลำเภาคือเสน่ห์แปลก ๆ ที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกสบายใจ ไม่เว้นแม้แต่วัชระที่สุดหน่ายกับการเตรียมงานแต่งงาน เขาทะเลาะกับเนตรนภัสถึงขั้นรุนแรง จนอยู่บ้านไม่ได้ ต้องหนีออกมาแอบอยู่กับลำเภาที่บ้านสวนริมน้ำเป็นประจำ บางทีพักอยู่สี่ห้าวัน ทำให้เนตรนภัสต้องคอยวุ่นตามหา และตามจิก หนักกว่าเดิม แต่ยิ่งตามวัชระก็ยิ่งหนี จนเนตรนภัสจับได้ว่าเขาต้องมีคนอื่น อารมณ์ที่กรุ่นอยู่แล้วยิ่งร้อนระอุ และพร้อมระเบิดได้ตลอดเวลา

ระหว่างที่วัชระมาอยู่กับลำเภา สร้างความไม่สบายใจให้กริชชัย และธีธัช คนแรกลำบากใจเพราะไม่อยากให้น้องสาวต้องโดนลูกหลงจากพิษรักแรงหึงของเนตรนภัส คนที่สองลำบากใจ เพราะแอบหึง (เล็ก ๆ ) โดยไม่รู้ตัว อารมณ์หวง ๆ ของธีธัช แม้ไม่เด่นชัด แต่ทำให้กรกนกยิ่งหนักใจ การหายตัวไปของวัชระทำให้เนตรนภัสแทบคลั่ง วิ่งตามหาไม่ว่าที่บ้าน ที่ทำงาน ที่บ้านกริชชัย และที่พักของธีธัช ลามปามมาถึงผับของสุพรรณิการ์ เพราะกรกนกทำงานเป็นผู้จัดการร้าน และธีธัช กับวัชระชอบมาใช้เวลายามราตรีกันเป็นประจำ การมาของเนตรนภัสทำให้สุพรรณิการ์หายข้องใจว่าทำไมวัชระถึงต้องหนีการแต่งงานแบบหางจุกก้น ทั้งสมเพชและสงสาร แต่จะหนักไปทางเห็นใจซะมากกว่า

และแล้ว..การวิ่งหนีของวัชระก็จบลงเมื่อ แวว แม่ของเขาขอร้องให้ติดต่อหาว่าที่เจ้าสาวก่อนที่เรื่องจะใหญ่โตไปมากกว่านี้ เขาจึงตัดสินใจคุยกับเนตรนภัสแบบเปิดอก เริ่มระบายความอึดอัดขัดใจทั้งหลายทั้งปวง แต่แทนที่มันจะทำให้ปัญหาคลี่คลายลง เนตรนภัสกลับโวยวายจนบ้านแทบบึ้ม ไม่ยอมรับความผิดแม้แต่อย่างเดียว และยังคงยืนยันที่จะลากเข้าประตูวิวาห์ให้ได้ แถมยังเร่งวันอีกต่างหาก วัชระอยู่ในอาการน้ำท่วมปาก จำต้องก้ม หน้าดำเนินการแต่งงานไปทั้งที่หมดใจไปตั้งนานแล้ว

ด้วยความหงุดหงิดจิตหลุด หลังจากไม่สามารถแก้ปัญหาระหว่างตัวเองและเนตรนภัสได้ เขาก็ต้องปะทะครั้งใหญ่กับสุพรรณิการ์อีกครั้ง และครั้งนี้เขาหลุดปากต่อว่าสุพรรณิการ์ไม่มีความเป็นกุลสตรี เป็นผู้หญิงดี ๆ ไม่ชอบอยากเป็นทอม เสียชาติเกิด คำพูดของวัชระจี๊ดใจสาวห้าวระดับประเทศอย่างแรง สุพรรณิการ์ถึงกับคิดแค้นอยากจะเอาชนะด้วยความแปลงโฉมตัวเองให้สวยจนวัชระต้องตะลึง

ปฎิบัติการแปลงโฉมของเพื่อนสาวทำให้อรุณศรีแปลกใจ และแอบคิดว่าสุพรรณิการ์มีใจให้กริชชัย เพราะคุณเพื่อนชมกริชชัยไม่หยุดปากทั้งชม ทั้งเชียร์ จนเธอเองแอบหวั่นใจแปลก ๆ แต่ก็ต้องเก็บไว้ไม่ยอมแสดงออก ปรานต์ยังตามเรื่องเงินจนอรุณศรีเครียด และปรับทุกข์กับสุพรรณิการ์อรุณศรีปรึกษากับสุพรรณิการ์ด้วยความอึดอัดใจ สุพรรณิการ์ยื่นข้อเสนอให้มายืมกับเธอ แต่ต้องให้ปรานต์มาพูดเอง และต้องทำสัญญาให้ชัดเจน ปรานต์ยอมทำแต่โดยดีทั้งที่ไม่อยากทำ

ในขณะที่วัชระและเนตรนภัสกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก สุพรรณิการ์สนุกกับการแปลงโฉมตัวเองเพื่อเย้ยวัชระ ลำเภาและธีธัชกำลังอยู่ในระยะคาบลูกคาบดอก ทำให้กรกนกตกอยู่ในที่นั่งลำบาก และอรุณศรีเริ่มใจอ่อนกับความดีของกริชชัย แต่ยังไม่สามารถตัดใจจากปรานต์ได้

ท่ามกลางความวุ่นวายสารพัดสารพัน .. ห้องพักสุดไฮโซของกริชชัยก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ กริชชัย ธีธัช และวัชระจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน กริชชัยถือโอกาสจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อเป็นการสมานฉันท์กันเองในหมู่เพื่อนฝูง วัชระมากับเนตรนภัสด้วยใบหน้าอันหงิกงอ เธอเกาะเกี่ยววัชระไว้ไม่ให้เข้ามาสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ในขณะที่ลำเภามาเตรียมงานตั้งแต่เช้า คอยดูแลกริชชัย และคุมธีธัชในฐานะแฟนด้วยใบหน้ามึน ๆ ไม่สนคนอื่น ทำให้กรกนกที่ตามมาทีหลัง อยู่ในอาการเก้อ ๆ เขิน ๆ วางตัวไม่ถูก กริชชัยต้องคอยปรามญาติผู้น้อง แต่ลำเภากลับตีมึนทำไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนสุพรรณิการ์มาร่วมงานในโฉมใหม่ เป็นสาวสวยสุดเก๋ผิดจากเดิมราวกับคนละคน ทำเอาวัชระอึ้งไปชั่วขณะ เนตรนภัสเห็นก็ไม่พอใจ อาละวาดจนต้องลากกันกลับไป

สุพรรณิการ์สุดสะใจ และรีบโทร.ตามอรุณศรีให้รีบมาร่วมงาน กริชชัยตื่นเต้นอย่างแรงที่รู้ว่าอรุณศรีกำลังจะมา แต่อรุณศรีเองกลับไม่แน่ใจว่าเธอจะไปหรือไม่ สุดท้ายด้วยแรงยุของพี่ชายและเพื่อนสาว เธอก็ยอมมาจนได้ กริชชัยดีใจจนหน้าแดงแต่ด้วยความอายก็ไม่กล้าพูดทักทายมากนัก ทุกคนรอบข้างต่างพร้อมใจกันชิ่งเพื่อให้อรุณศรีและกริชชัยอยู่กันสองต่อสอง

สุพรรณิการ์ และกรกนกจะกลับไปทำงานที่ผับ ธีธัชขอไปด้วย ลำเภาก็เกาะไปด้วยไม่ยอมปล่อย ทันทีที่ทุกคนออกไป อรุณศรีและกริชชัยมีโอกาสได้อยู่กันสองต่อสอง แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ปรานต์ก็โทร.มาจิกและบอกว่าต้องการเงินเพิ่ม คราวนี้อรุณศรีไม่ยอมเม้งกลับไป แต่ด้วยลูกอ้อนสารพัดทำให้เธออดใจอ่อนสงสารอีกไม่ได้ กริชชัยอยู่ในเหตุการณ์ยิ่งเห็นใจและยื่นเสนอจะช่วยเหลือเหมือนเดิม..แต่อรุณศรีก็ยังยืนยันที่จะไม่รับ ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเธอเป็นคนดี และยืนยันจะรักเธอต่อไป ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่

กริชชัยขับรถไปส่งอรุณศรีที่บ้าน บังเอิญเจอกับปรานต์ที่ดักรออยู่ ปรานต์ตรงเข้ามาชกกริชชัยทันทีด้วยความหึง หวง และเสียฟอร์ม อรุณศรีรีบห้ามไว้ แต่ปรานต์ไม่ฟัง ด่าว่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ จนอรุณศรีทนไม่ได้ตอบโต้กลับไป ยิ่งทำให้ปรานต์โกรธ และพยายามจะทำร้ายเธอ กริชชัยรีบเข้ามาช่วยและอัดปรานต์จนน่วม ปรานต์เห็นว่าสู้ไม่ได้ ก็ด่าด้วยความปากเก่ง ก่อนจะหนีไป อรุณศรีทั้งเศร้า ทั้งเซ็ง และอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กริชชัยสุดจะเห็นใจ

ที่ผับของสุพรรณิการ์ .. ลำเภาดื่มจนเมา ธีธัชสุดเอือม ระหว่างนั้นมีผู้ชายจะเข้ามาหลีลำเภาตอนเมา ๆ ธีธัชเห็นถึงกับทนไม่ได้ พุ่งเข้าไปแย่งตัวออกมา และรีบลากขึ้นรถกลับออกไปอย่างเร็ว จากเหตุการณ์นี้ทำให้กรกนกตัดสินใจบางอย่างได้ทันที

หลังจากวัชระทะเลาะกับเนตรนภัสอย่างแรงจนแทบจะล้มการแต่งงาน เขาก็รีบบึ่งมาที่ผับสุพรรณิการ์หวังว่าจะเจอเพื่อน แต่เขากลับไม่เจอใครนอกจากสุพรรณิการ์ที่แปลงโฉมเป็นสาวสวยคอยต้อนรับ ทั้งสองคนทั้งดื่มและปรับทุกข์กันไปเกือบจะทั้งคืน วัชระจัดหนักจนสุพรรณิการ์เมาหลับ เขาต้องประคองเธอขึ้นไปที่ห้องพัก และในภาวะมึน ๆ เมา ๆ นั้นเอง วัชระก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ พลาดพลั้งมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับสุพรรณิการ์ในขณะที่เธอไม่มีสติเต็มร้อย กรกนกบังเอิญเข้ามาเห็นเหตุการณ์อันไม่ควรเห็นพอดี..กรกนกถึงกับชอคไป และรู้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน

สุพรรณิการ์ตื่นมาด้วยความตกใจอย่างแรง ทั้งทุบตี ด่าทอ สารพัด วัชระเองก็รู้สึกผิดเพราะไม่คิดว่าเธอจะเป็นสาวบริสุทธิ์ สุพรรณิการ์ด่าวัชระไม่มีชิ้นดี และประกาศว่าเขาจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป วัชระถึงกับหน้าซีด .. เขาจะรับผิดชอบได้ยังไง ในขณะที่งานแต่งงานของเนตรนภัสก็ยังคาราคาซัง

อรุณศรีช็อคกับคำบอกเล่าของเพื่อน เธอแนะนำให้สุพรรณิการ์ถอยออกมา แต่เธอไม่ยอมและยืนยันที่จะทำให้วัชระรับผิดชอบกับสิ่งที่เธอต้องสูญเสียไป ในขณะที่ความสัมพันธ์ของสุพรรณิการ์และวัชระกำลังจะเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างหนักแน่น ความสัมพันธ์ของธีธัชและกรกนกก็ถึงกาลอวสาน

กรกนกบอกเลิกกับธีธัช โดยให้เหตุผลว่าไม่มีอนาคต เธอยอมกัดฟัน เก็บของและย้ายออกจากที่พักของเขา ธีธัชเองรู้สึกใจหายอยู่ในที แต่ก็รู้สึกเบาใจอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะเขาเริ่มรู้สึกพิเศษกับลำเภา การไม่มีกรกนกอาจจะทำให้เขาสบายใจที่จะทำอะไร ๆ มากกว่านี้ กรกนกย้ายออกจากที่พักของธีธัช ในขณะที่เขาเองก็ย้ายเข้าไปอยู่กับกริชชัย ห้องสามหนุ่มเนื้อหอมมีสาว ๆ เดินเข้าเดินออกไม่ขาดสาย ถ้ามีกระได หัวกระไดก็ไม่เคยแห้ง ลำเภาต้องมาคอยดูแลกริชชัย และคอยประกอบธีธัช เนตรนภัสมาคอยตามจิกวัชระ ในขณะที่วัชระก็เทียวเข้าเทียวออกห้องสุพรรณิการ์ บางครั้งสุพรรณิการ์เองก็มาหาวัชระ และลากอรุณศรีมาหากริชชัยเป็นประจำ

ความสนิทสนมของกริชชัยและอรุณศรีค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากความดีและความสม่ำเสมอของกริชชัย ในขณะที่ปรานต์ยังคงตามรังควานและถามเรื่องเงินไม่ขาดปาก เหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดคือเขาบุกเข้ามาในงานเลี้ยงบริษัทและชกหน้ากริชชัยและประกาศว่าเขากับอรุณศรีเป็นสามีภรรยากัน และกริชชัยกำลังจะแย่งภรรยาไป อรุณศรีโกรธอย่างแรง ถึงกับเดินไปตบหน้าปรานต์และบอกเลิกสายฟ้าแล่บ สร้างความสะใจให้กับคนที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะสุพรรณิการ์ ลำเภา วัชระ และธีธัช ส่วนกริชชัยดีใจมากกว่าสะใจ ปรานต์เดินออกมาจากงานด้วยความแค้นสุดแค้น และคิดวางแผนเอาคืน

อรุณศรีตั้งใจจะขอโทษกริชชัย แต่ไม่ทัน เพราะเขากลับที่พักไปแล้ว อรุณศรีตัดสินใจไปขอโทษเขาถึงที่พัก ในคืนนี้เองที่เธอค้นพบว่าเขาแอบวาดภาพเหมือนเธอไว้มากมาย และกริชชัยก็รวบรวมความกล้าสารภาพรักกับเธอ อรุณศรีเหมือนโลกหยุดหมุน บอกไม่ถูกว่าดีใจหรือว่าตกใจหรือว่าประหลาดใจ มันปน ๆ มั่ว ๆ ไปหมด จนกริชชัยต้องบอกว่า..เขาบอกเพราะอยากบอก ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เขารอได้ รอจนกว่าเธอจะพร้อม อรุณศรีซึ้งใจ ในขณะเดียวกัน..ก็มึนงง

เนตรนภัสเริ่มแปลกใจในความห่างเหินของวัชระ นอกจากจะไม่ให้ความร่วมมือเรื่องการแต่งงานแล้ว ยังแข็งข้อเริ่มมีการโต้แย้งและดื้อดึง ซึ่งเขาไม่เคยเป็นมาก่อน เนตรนภัสร้อนรุ่นในใจและตามสืบจนรู้ว่าวัชระและสุพรรณิการ์แอบคบกันอยู่ โลกทั้งใบของเนตรนภัสเหมือนแตกดับไปต่อหน้าต่อตา สติสัมปัญชัญญะต่าง ๆ ขาดวิ่น เธอพุ่งมาอาละวาดที่ผับของสุพรรณิการ์ และเมาไร้สภาพจนกริชชัยต้องมาดูแล จากสภาพที่เห็นกรกนกต้องคอยเตือนสุพรรณิการ์ด้วยความเป็นห่วง

สุพรรณิการ์ยืนยันว่าเธอไม่ผิด เพราะวันนั้นเธอโดนปล้ำ คนที่ผิดของวัชระ เขาจะต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและปล่อยให้ผู้หญิงที่ไม่ผิดสองคนมาตบตีกัน !! สุพรรณิการ์ผลักให้วัชระสู้ความจริง ลากมายื่นคำขาดว่าต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง จะมาทิ้งไว้สองคนแบบนี้ไม่ได้ ทำให้วัชระต้องหยุดคิดและเลือกว่าจะนำพาชีวิตไปอย่างไร

ทางด้านลำเภาหลังจากที่รู้ข่าวการเลิกกันของธีธัชกับกรกนก ลึก ๆ เธอเองก็รู้สึกไม่ดี และยืนยันว่าไม่ได้คิดจะเป็นแฟนจริง ๆ คิดแค่ว่าชนะแล้วก็จะเลิก แต่ธีธัชบอกว่าไม่ยอมแล้ว เพราะถลำลงมาแล้ว เขาจะต้องเป็นแฟนกับเธอให้ได้ คำพูดของธีธัชทำเอาลำเภาแอบใจเต้น แต่ก็ยังต้องทำมีฟอร์ม และไม่ยอมรับเป็นแฟน ธีธัชไม่ยอมเปิดฉากตามจีบลำเภาเต็มรูปแบบ

อรุณศรียังโดนปรานต์รังควาญจนต้องย้ายมาอยู่กับสุพรรณิการ์ ปรานต์ก็ยังแอบมาบ้าง แต่โดนสุพรรณิการ์และหนุ่ม ๆ รุมบ้างเป็นบางที ยิ่งเพิ่มความแค้นหนักเข้าไปอีก ขณะที่อรุณศรีกำลังเครียดกับเรื่องของแฟนเก่า พี่ชายสุดรักกลับกำลังดี๊ด๊ากับหญิงสาวคนใหม่ที่ก้าวเข้ามาในชีวิต

กรกนกเจอกับโอบบุญที่ผับ โอบบุญปิ๊งเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน โอบบุญตามจีบกรกนกทั้งที่รู้ว่าเธอเคยมีแฟนแล้วและเลิกกันได้ไม่กี่วัน แต่โอบบุญก็ไม่สน อรุณศรีอึ้งไปเล็กน้อยที่รู้ว่ากรกนกผู้หญิงที่พี่ชายกำลังหลงรักหัวปักหัวปำ แต่สุดท้ายก็รับได้ เข้าทำนอง..ถ้าพี่ชอบ ฉันก็ชอบไปด้วย กรกนกเองก็รับไม่ได้ในตอนแรกที่ชีวิตยังต้องพัวพันอยู่ในแวดวงของธีธัช แต่ด้วยความใจกว้างของโอบบุญทำให้เธอสบายใจและมีกำลังใจจะเผชิญหน้ากับอดีตที่เจ็บปวด

หลังจากวิ่งหนีปัญหามานานวัชระตัดสินใจที่เลือก และคนที่เขาเลือกก็คือสุพรรณิการ์ เพราะเธอคือผู้หญิงที่ทำให้สบายใจ มั่นใจและเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ ก่อนหน้านี้เขาอาจจะเคยรักเนตรนภัส แต่เธอคาดหวังและบีบบังคับจนเขาหมดความภูมิใจในตัวเอง เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นกระบอกที่เธอคอยเชิดอยู่ตลอดเวลา สุพรรณิการ์รับฟังการตัดสินใจของวัชระอย่างมีสติ เธอไม่ได้ลิงโลดดีใจ ในทางกลับกันกลับแอบหวั่นว่าเขาจะพูดเพื่อเอาใจเธอ

วัชระพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และแสดงความตั้งใจที่จะยุติปัญหานี้ด้วยวิธีแมน ๆ เขามุ่งหน้าไปหาเนตรนภัสที่กำลังอยู่ในสภาวะเสียใจจนแทบจะไร้สติ เธอแบกรับหน้าตาทางสังคมจนทำใจไม่ได้ที่จะทนให้คนนินทาว่าเธอเป็นหม้ายขันหมาก วิวาห์ล่ม เพราะโดนแย่งแฟน ความเสียใจ ผิดหวัง และโกรธแค้นฝังแน่นในใจ เมื่อวัชระมาเพื่อบอกเลิกเธออย่างเป็นทางการ เนตรนภัสถึงกับรับไม่ได้ คว้าปืนมายิงวัชระในระยะเผาขน เสียงปืนดังสนั่นไปทั้งบ้าน สีรุ้ง และ นรีวรรณ คุณแม่และน้องสาวรีบวิ่งมาดูอาการ รวมทั้งสุพรรณิการ์ที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านเนตรนภัสก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยวัชระไว้ สีรุ้งและนรีวรรณรีบแย่งปืนมาและลากเนตรนภัสกลับเข้าห้องไปก่อนที่จะยิงสุพรรณิการ์อีกคน เนตรนภัสร้องไห้แทบขาดใจ ในขณะที่วัชระมองเนตรนภัสด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน

วัชระต้องรักษาตัวอยู่นานเป็นเดือน โชคดีที่กระสุนไม่โดนส่วนสำคัญ และวิ่งผ่านตัวไป ทำให้ไม่อันตรายมาก วัชระไม่แจ้งความเอาผิด และบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุปืนลั่น เพราะปืนที่ใช้ยิงเป็นปืนของเขาเอง เนตรนภัสแอบหยิบมาจากบ้านเขาตอนที่เขาไม่อยู่ เนตรนภัสเก็บตัวเงียบ มีเพียงครอบครัวที่คอยเยียวยาและให้กำลังใจ วัชระโดนครอบครัวนั้นสาปส่งไม่ชิ้นดี ซึ่งเขาก็ก้มหน้ารับผิดโดยไม่แก้ตัว

ขณะรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลสุพรรณิการ์ทำหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลวัชระอย่างใกล้ชิด เพราะเพื่อนคนอื่นติดธุระหัวใจกันหมด กริชชัยต้องคอยดูแลอรุณศรีที่ลี้ภัยมาพักอยู่ห้องสุพรรณิการ์ เขาไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวเพราะห่วงว่าปรานต์จะมาทำร้าย เลยต้องคอยมาอยู่เป็นเพื่อน (แต่จริง ๆ เป็นข้ออ้าง ความจริงอยากอยู่ใกล้ ๆ มากกว่า) ส่วนธีธัชกำลังทุ่มเทแรงกายแรงใจในการเอาชนะใจลำเภาแบบสุดลิ่ม

ธีธัชยอมรับอย่างหมดสภาพว่าเขาแพ้ทางเธอ และต้องการจะหยุดที่เธออย่างจริงจัง แต่ลำเภากลับไม่เคลิ้มคล้อยไปง่าย ๆ เธอทั้งทดสอบทั้งกลั่นแกล้งสารพัด แต่ธีธัชก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งอดทน อดกลั้น และอดใจ (ที่จะไม่ล่วงเกินเธอ) จนลำเภาเริ่มจะใจอ่อน ยอมพาไปรู้จักกับครอบครัว แต่กว่าจะผ่านด่านครอบครัวไปได้ ธีธัชก็หืดขึ้นคอ ดีที่มีกริชชัยคอยเป็นพี่เลี้ยงเอาใจลุงกับป้าจนทั้งสองคนยอมไฟเขียว แต่ด้วยความยากลำเข็ญนี่เองทำให้ธีธัชเห็นคุณค่าของลำเภาเพิ่มมากขึ้น เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะได้มาง่าย ๆ

ลำเภาเองก็เริ่มยอมรับว่าเธอคงจะรักธีธัชเข้าแล้วจริง ๆ หลังจากที่พยายามคิดว่าเป็นรักหลอก ๆ มานาน แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจทำให้เธอไม่สามารถรักเขาได้อย่างเต็มหัวใจ คือเธอรู้สึกผิดกับกรกนก ลำเภาตัดสินใจชวนธีธัชไปหากรกนก เพื่อเผชิญหน้า และขอโทษสำหรับสิ่งทีเกิดขึ้น กรกนกบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของลำเภา เพราะที่ผ่านมาธีธัชไม่เคยรักเธอ และเธอกับเขาไม่เคยเป็นแม้แต่แฟนกัน กรกนกดีใจกับธีธัชที่ได้ผู้หญิงน่ารักอย่างลำเภา ส่วนเธอเองกำลังจะจดทะเบียนสมรสกับโอบบุญ เพราะเขาได้งานใหม่ที่ญี่ปุ่น เธออยากจะเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หลังจากจดทะเบียนแล้วจะย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นด้วยกัน ตอนนี้เธออาจจะไม่ได้รักเขา แต่เธอมั่นใจว่าเขาคือผู้ชายที่รักเธอมากที่สุด .. หลายปีที่ผ่านมาเธอต้องทุกข์ใจกับการอยู่กับคนที่เธอรัก วันนี้เธอขอใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักเธอ อยากรู้ว่าแบบไหนจะมีความสุขมากกว่ากัน

สุพรรณิการ์ดูแลวัชระอย่างดี จนทำให้เขาเริ่มเห็นมุมความเป็นผู้หญิงของเธอ มุมที่เขาเองไม่เคยคิดว่าเธอจะมี สุพรรณิการ์เองก็เริ่มยอมรับว่าเธอคงจะรักวัชระอยู่เหมือนกัน เพราะความเป็นห่วงที่มี มันไม่ได้มาจากการอยากเอาชนะ หรืออยากจะแก้แค้นที่เขาปล้ำเธอ วัชระมีความอบอุ่น และน่ารักที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความกระด้างตามสไตล์ชายไทย เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่เธอเริ่มเห็นคือความเป็นเด็กเวลาวัชระอยู่กับแม่ ความเป็น คนรักแม่ และยอมตามใจคนที่รักถ้าไม่ลำบากเกินไป ทำให้เขาเป็นผู้ชายที่อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น เพียงแต่เขาจะต้องไม่ยอมตามใจจนสูญเสียความเป็นตัวเอง

สุพรรณิการ์ยื่นคำขาดให้เขาต้องพูด ถ้ามีอะไรไม่ชอบใจ หรือไม่ถูกจริตกัน ต้องคุยกัน และปรับตัว ไม่ใช่สักแต่ยอม..ยอม..ยอม และมาดีแตกเหมือนตอนคบกับเนตรนภัส วัชระรับปากแต่โดยดี แต่มีข้อแม้ว่า ตอนเขาพูด เธอเองก็ต้องฟัง ไม่ใช่พูดทีทะเลาะที พูดคำเถียงคำ แบบนั้นเขาก็เพลียที่จะพูด

ทั้งวัชระและสุพรรณิการ์เริ่มต้นคบกันแบบนับหนึ่งใหม่ หลังจากที่เริ่มแบบก้าวกระโดด (ขึ้นเตียง) มาแล้ว ทั้งสองคนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในขณะที่เปิดเผยความเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ด้วยความเป็นคนใจกว้างและไม่คาดหวังจากคนอื่นทำให้วัชระรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับสุพรรณิการ์ ความสบายใจที่เขาไม่เคยได้จากผู้หญิงคนอื่น

ขณะที่คู่ของธีธัชกับลำเภาก็เริ่มจะที่เข้าทาง วัชระและสุพรรณิการ์ก็กลับมาสู่กรอบอันดีงามของสังคม .. คู่ของอรุณศรีกับกริชชัย กลับยังอยู่ในอาการอึมครึม ไม่ชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง เพราะความเป็นคนขี้เขินที่ติดตัวมาแต่เกิด ปากหนัก รักนะแต่ไม่กล้าแสดงออกของกริชชัย และความเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่กล้าหลุดจากกรอบหญิงไทยของอรุณศรีทำให้ความรักของทั้งสองคนเชื่องช้ายิ่งกว่าเตาตาบอด กองเชียร์ลุ้นจนเพลียก็ยังไปไม่ถึงไหน

และแล้ว..ฟ้าก็ประทานช่องทางมาให้ เมื่อปรานต์เกิดอาการหึงและเสียฟอร์มจนหน้ามืดตามัว เขาวางแผนหลอกให้อรุณศรีมาหาเพื่อกระทำมิดีมิร้ายและถ่ายคลิปไว้ หวังจะให้เป็นเครื่องมือบังคับให้เธอแต่งงานกับเขา แต่กริชชัยล่วงรู้แผนการณ์ร้ายก่อน จึงรีบตามอรุณศรีไป และเรียกให้วัชระไปช่วย แต่ทั้งสองคนได้ข้อมูลผิดไปคนละที่ กว่าจะรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง อรุณศรีก็โดนปรานต์ล่วงเกินไปไม่น้อย

ขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ทันใดนั้น..ประตูห้องพักก็ถูกพังเข้ามาอย่างแรง ปรานต์ถึงกับชอคกับคนที่บุกเข้ามาขัดขวางแผนการณ์อันชั่วร้าย คนที่เขานึกไม่ถึง เธอคือเจ๊เกียว คู่ขาที่เขาคั่วมาหลายปี เธอเป็นเจ้าของร้านเครื่องเสียงที่เขารับของมาขาย เขาหลอกเอาเงินมาแล้วนับไม่ถ้วน เธอลุ่มหลงในตัวปรานต์จนถึงกับหย่ากับสามี ยอมทะเลาะกับทางบ้าน และหวังจะมาหาเขา แต่สุดท้ายเขาคือคนที่ทรยศเธอ

เจ๊เกียวทนไม่ได้ที่เห็นปรานต์กำลังมีอะไรกับอรุณศรี เธอควักปืนออกมาและยิงเข้ามาที่กลางเป้า ปรานต์ร้องเสียงหลง และซ้ำอีกทีที่หัวใจอย่างแม่น ปรานต์ถึงกับช็อค และล้มลงเลือดนองเต็มพื้น เจ๊เกียวหันปืนมาทางอรุณศรีที่ยังงัวเงียเพราะฤทธิ์ยา Rape Drug ที่ปรานต์หลอกให้เธอกิน เจ๊เกียวกำลังจะเหนี่ยวไก ทันใดนั้นกริชชัยก็พุ่งตัวเข้าชาร์จและแย่งปืนออกมาจากเจ๊เกียว จนตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บสาหัส วัชระรีบจับกุมตัวเจ๊เกียวไว้ดำเนินคดี และเรียกรถพยาบาลมารับกริชชัย และปรานต์ แต่สายเกินไป ปรานต์เสียชีวิตตั้งแต่กระสุนนัดที่สองของเจ๊เกียว

อรุณศรีรู้สึกตัวที่โรงพยาบาล ความทรงจำบางส่วนหายไปเพราะฤทธิ์ยา สุพรรณิการ์เล่าให้ฟังอย่างละเอียดถึงความเลวของปรานต์ สุดท้ายอรุณศรีก็ทำได้แค่อโหสิกรรมให้กับทุกอย่างที่ผ่านมา และรีบไปดูอาการของกริชชัยในทันที

อรุณศรีขอบกริชชัยอย่างสุดหัวใจ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา และขอบคุณที่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในครั้งนี้นี่เองที่กริชชัยยอมหน้าแตก..เอ่ยปากขออรุณศรีแต่งงาน ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเธอจะตอบตกลงหรือไม่ แต่เขาทนเก็บมันไว้ไม่ได้อีกต่อไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้ว่า .. เขาจะไม่ปล่อยให้เวลาของเขากับเธอผ่านเลยไปอย่างไร้การเปลี่ยนแปลง การรอคอยของเขามาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เขาต้องการเป็นมากกว่าคนที่แอบรัก เขาอยากเป็นคนที่รักเธอได้อย่างเปิดเผย โจ่งแจ้ง และอยากจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน อรุณศรีถึงกับน้ำตาร่วงกับความจริงใจและความตั้งใจจริงของผู้ชายที่เธอเคยคิดว่าเขาเป็นเกย์ อรุณศรีตอบตกลง รับการแต่งงานด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ กริชชัยสวมกอดอรุณศรีด้วยความตื้นตัน น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำเอาอรุณศรีแอบขำนิด ๆ ด้วยความเอ็นดู ข่าวการแต่งงานของอรุณศรีและกริชชัยทำให้เพื่อนซี้อีกสองคนถึงกับคัน เนื้อเต้นระริก ๆ ด้วยความอิจฉาและไม่ยอมน้อยหน้า

ธีธัชเริ่มวางแผนอันแยบยลขอลำเภาแต่งงานต่อหน้าสาธารณะชน มีทั้งแอบถ่ายเบื้องหลัง และเบื้องหน้า กะให้ประทับใจเต็มที่ และมันก็ได้ผล ลำเภายอมแต่งงานกับเขาด้วยความเต็มใจ วัชระเองไม่ยอมน้อยหน้า วางแผนของสุพรรณิการ์แต่งงานโดยให้เพื่อนตำรวจมาร้องเพลง และเต้นประกอบจังหวะ แล้วถ่ายคลิปเก็บไว้ ความน่ารักของวัชระทำเอาสุพรรณิการ์ร้องไห้เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมา เป็นน้ำตาของความดีใจ และไม่คาดฝัน

ข่าวการแต่งงานของวัชระและสุพรรณิการ์มาถึงหูเนตรนภัส เพราะคลิปขอแต่งงานของทั้งคู่ถูกโพสท์ในอินเตอร์เนท ยอดคนดูถล่มทะลาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงทนไม่ได้ อาจจะคิดสั้นกรอกยาฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็ควงปืนไปยิงทั้งสองคนให้ตายไปพร้อม ๆ กัน แต่ตอนนี้..เธอเข้มแข็งขึ้น เธอเติบโตขึ้น และเธอมีผู้ชายที่แสนดีเป็นชาวต่างชาติที่เจอกันโดยบังเอิญ เขาคือบทเรียนใหม่สำหรับเธอ เขาเริ่มต้นด้วยความรักที่ท่วมท้นและมากมายไม่ต่างจากวัชระ สิ่งที่เนตรนภัสต้องเรียนรู้คือการถนอมความรักให้เป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่ถือวิสาสะเอาตัวเองไปครอบงำและริดรอนความรักที่เขามีจนค่อย ๆ หายไปเหมือนที่ผ่านมา

เนตรนภัสตัดสินใจเดินทางไปหาสุพรรณิการ์และวัชระอีกครั้ง ทั้งสามคนเผชิญหน้ากัน ท่ามกลางความลุ้นระทึกของเพื่อนฝูง แต่ทุกอย่างเป็นไปเหนือความคาดหมาย เนตรนภัสมาเพื่อแสดงความยินดีกับทั้งสองคน และขอบคุณวัชระที่ไม่เอาเรื่อง ก่อนจากกันเนตรนภัสขอร้องให้วัชระบอกสิ่งที่ไม่ดีของเธอ วัชระไม่กล้าพูด แต่เธอขอร้อง จนสุดท้ายวัชระใจอ่อนร่ายยาว ถึงนิสัยเสีย ๆ ของเธอ จนหลายครั้งที่เนตรนภัสเกือบจะระเบิดออกมา แต่ก็กัดฟันรับฟังจนจบ (จนได้) ก่อนจะกลับสุพรรณิการ์ขอให้เนตรนภัสบอกข้อเสียของวัชระ..และไล่วัชระออกไปจากห้อง ตอนแรกเขาจะไม่ยอม แต่ทั้งสองสาวก็ไม่ยอม ทั้งเตะทั้งถีบจนเขากระเด็นออกไปนอกห้องและเริ่มต้นเม้าท์อย่างเมามัน ทำเอาวัชระร้อนใจแทบดิ้นตายอยู่หน้าห้อง

หลังจากเคลียร์ปัญหาค้างคาใจกับสุพรรณิการ์และวัชระแล้ว เนตรนภัสก็พร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ต่อไปอย่างเข้มแข็ง ไม่ต่างจากกรกนกที่กำลังเดินทางไปญี่ปุ่นกับโอบบุญ ถึงแม้เธอจะยืนยันว่ายังไม่เปิดใจรับเขา แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะรอ นานแค่ไหน..ก็จะรอ กรกนกรับฟังด้วยความซาบซึ้งใจ และคิดว่าเธอจะพร้อมเริ่มต้นใหม่ในไม่ช้า

หมดปัญหากับสาว ๆ ที่เคยเข้ามาพัวพันจนยุ่งอีรุงตุงนัง หนุ่ม ๆ ก็เตรียมตัวสำหรับงานแต่งอันสุดแสนอลังการณ์ เพราะเป็นงานแต่งพร้อมกันทั้งสามคู่ งานแต่งสุดหรูที่หลายคนจับตารอ แต่เจ้าบ่าว เจ้าสาวทั้งหกกลับทะเลาะกันทุกวัน เพราะคุยคอนเซปป์งานไม่ลงตัว จนสุดท้ายกริชชัยบอกให้ทุกคนทำตามที่ตัวเองต้องการโดยแบ่งเป็นโซนนิ่ง ของใครของมัน แต่จัดในวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน มีพื้นที่กลางเป็นส่วนรวมและพื้นที่เฉพาะของคู่ใครคู่มันเพื่อเป็นการตัดปัญหา กริชชัยใช้หลักการเดียวกันกับการใช้ชีวิตคู่... คือ ต้องมีพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนรวมที่สมดุลย์กัน ไม่ยึดถือแต่ตัวเองมากเกินไป ในขณะเดียวกันก็ไม่เบียดเบียนล้ำเส้นเข้าไปในชีวิตของอีกฝ่ายมากจนเกินไป ถึงจะอยู่ด้วยกันได้อย่างปกติสุข ทั้ง 5 คนเห็นด้วย..ลงมติเป็นเอกฉันท์ และเริ่มลงมือเตรียมงานแต่งงานอย่างมีความสุขในสไตล์ของตัวเอง

และแล้ว..งานแต่งงานของ 3 หนุ่มก็มาถึง (ซะที) หลังจากที่หัวหกก้นขวิดเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาหลายครั้งหลายครา เป็นงานแต่งงานที่อบอวลไปด้วยความรักและมิตรภาพ งานแต่งงานที่รวบรวมความประทับใจ และความทรงจำไว้มากมาย ยากที่จะลืมเลือน ติดตามชม ละครสามหนุ่มเนื้อทอง ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20.25 น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครสามหนุ่มเนื้อทอง เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554